DEEHI



แนะนำเว็บสร้างรายได้ PaidToClick.in



บทความ

ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์เองได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน หรือองค์ไหน ๆ ล้วนแล้วแต่มีการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้ในกิจกรรม นั้น ๆ เพื่อความสะดวกและรวดเร็วในการประมวลผลหรือหาผลลัพธ์ต่าง ๆ อย่างถูกต้อง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในแง่ของการดูแลรักษาหรือการซ่อมบำรุงเราก็ควรที่จะมีความรู้ตรงนี้ ด้วยเพื่อความสมบูรณ์ในด้านการใช้งานและบำรุงซ่อมแซมเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูลในการแก้ไขปัญหาการซ่อมคอมอย่างง่าย ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ให้ได้มีการศึกษา แบบขั้นตอน เพื่อง่ายต่อการศึกษาและนำมาใช้ในการแก้ปัญหาต่อไป

พันธมิตร

สอนซ่อมคอมพิวเตอร์ ชลบุรี เรียนซ่อมคอมแค่ 2 วันเปิดร้านซ่อมได้แน่นอน


ผู้เข้าร่วมเรียนรู้การซ่อมคอม

สอนซ่อมคอมพิวเตอร์ ชลบุรี เรียนซ่อมคอมแค่ 2 วันเปิดร้านซ่อมได้แน่นอน

คุณ ธนียา พรเจริญโรจน์ เจ้าของร้านอินเตอร์เน็ต นครปฐม เล่าให้ฟังว่า " เปิดร้านอินเตอร์เน็ตมาได้ประมาณ 10 ปีแล้วค่ะ ที่ตัดสินใจมาเรียนก็เพราะที่ร้านมีปัญหาตลอดเลยค่ะ เวลาเครื่องเสียต้องเรียกช่างมาซ่อมทุกที กว่าจะมาได้บางที 2 - 3 วัน บางทีก็ต้องปิดร้านรอช่างเพราะเครื่องใช้งานไม่ได้ทั้งร้านเลยก็มี ทำให้ขาดรายได้ไป หมดค่าซ่อมไปไม่รู้เท่าไร ก็เลยคิดว่าถ้าซ่อมเองได้ก็คงจะดี เลยเสิร์ทหาที่เรียนในอินเตอร์เน็ต ก็ดูๆ อยู่หลายที่นะ พอดีมาเจอที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ พีซีเซอร์วิส บางแสน ก็สนใจเพราะใช้เวลาเรียนแค่ 2 วันเองค่ะ ราคาก็ไม่แพง แค่ 5,000 บาทเอง แถมเรียนระบบ LAN ฟรีอีก เดินทางก็สะดวก ไม่ต้องเข้าไปรถติดในกรุงเทพ ปกติเรียกช่างมาซ่อมที่ร้านบางที ยังต้องจ่ายมากกว่านี้เลยค่ะ เคยไปสอบถามที่เรียนที่อื่นๆ เขาบอกต้องเรียน 2-3 เดือนถึงจบ ตอนแรกก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะทำได้จริง เพราะเห็นว่าเรียนแค่ 2 วันจะเป็นไปได้ยังไง เลยลองโทรมาคุยกับอาจารย์อินทัช ก่อนแล้วก็ตัดสินใจจองเวลาเรียนเลย พอมาเรียนแล้วก็สามารถซ่อมได้จริงๆค่ะ เพราะอาจารย์อินทัช เค้าสอนให้เป็นเรื่องเข้าใจง่ายๆ เป็นขั้นเป็นตอนไม่ซับซ้อนค่ะ ทำให้เราเข้าใจระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์ และวิเคราะห์อาการเสียได้เป็นขั้นเป็นตอน ทำให้ซ่อมได้จริง ๆค่ะ ตอนนี้ก็เลยซ่อมเครื่องที่ร้านเอง ซึ่งมีอยู่ 20 เครื่องค่ะ และก็รับซ่อมเครื่องลูกค้าทั่วไปด้วย ทำให้มีรายได้เพิ่มด้วยค่ะ "

ศูนย์คอมพิวเตอร์ พีซีเซอร์วิส บางแสน
สอนโดยอาจารย์ที่เป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์ เปิดอบรมมานานกว่า 18 ปี ได้รับความไว้วางใจและมีผู้ผ่านการอบรมไปแล้วมากกว่า 8,000 ราย เข้าใจง่ายเป็นเร็วเรียนเพียง 2 วัน วันละ 8 ชม.ฟรีสอนติดตั้งซ่อมระบบแลน และ Wireless Lan ด้วย ซึ่งปกติที่อื่นจะต้องคิดราคาแยกอีกต่างหากเพราะเป็นคนละหลักสูตรกัน แต่ที่นี่แถมฟรีไปแลย ปรับเนื้อหาให้เหมาะกับพื้นฐานของแต่ละคน บอกทุกปัญหาที่ต้องออกไปเจอไม่มีหวงวิชา เป็นที่ปรึกษาให้คุณตลอดไป สอนเทคนิคต่าง ๆ ที่สถาบันสอนคอมพิวเตอร์ทั่วไปไม่เคยสอน ทุกคนที่เรียนจบไปสามารถซ่อมคอมพิวเคอร์ได้จริง หาเงินได้จริง เปิดร้านได้จริง

ท่านที่มาจากต่างจังหวัดไกลๆ มาเรียนที่บางแสน ประหยัดกว่าเข้ากรุงเทพ ไม่ต้องฝ่ารถติดการจราจรใกล้จะเป็นอัมพาตอยู่แล้ว มีรถตู้จาก กทม. ท่ารถตู้อนุสาวรีย์ชัย ท่ารถตู้ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ท่ารถตู้เซ็นทรัลพระราม 2 ท่ารถตู้สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ท่ารถตู้สี่แยกบางนา มาลงหาดบางแสน รถไม่ติดไม่เกิน 2 ชั่วโมงถึง รถตู้สุดสายที่หน้า ม.บูรพา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้างแหลมทอง ลงรถตู้เรียกมอเตอร์ไซด์รับจ้าง โทรหาอาจารย์ให้คนขับคุยกับอาจารย์เพื่อบอกทาง จากหน้า ม.บูรพามาประมาณ 10 นาที ค่ารถมอเตอร์ไซด์ 50 บาท หาที่พักง่ายริมหาดบางแสน ราคาถูก ตั้งแต่ 500/คืน ขึ้นไป สะอาด อากาศดี เรียนไปด้วยพักผ่อนไปด้วย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บ
http://com.pantown.com
http://service.pantown.com

อาจารย์อินทัช โรจน์มานะวงศ์

โทร. 084-565-4914
email:intach@live.com


วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

71. ไอคอน show Desktop ที่ Task Bar หายไปเอากลับมาทำไง

ไอคอน show Desktop ที่ Task Bar หายไปเอากลับมาทำไง

 
ไอคอน show Desktop ที่ Task Bar หายไปเอากลับมาทำไง
ไอคอน show Desktop เป็นไอคอนที่มีไว้สำหรับปิดหน้าต่างลงหมดอย่างรวดเร็วโดยคลิกเพียงหนึ่งครั้งแต่ถ้ามันหายไปทำไง มีวิธีแก้ครับง่าย ๆ โดย
1. ไปที่ Stat > Search > For File or Folders..
2. Search หาคำว่า show desktop ที่ Search for file or folder named
3. เมื่อเจอแล้ว ให้ Copy มาวางไว้ที่ desktop (อยู่ที่ C:\WINDOWS\SYSTEM)
4. จากนั้นให้ลากมาวางไว้ที่ Task Bar เพียงเท่านี้ก็กลับมาแล้วครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

70. อยู่ดี ๆ เครื่องแฮงค์เรียกคำสั่งต่าง ๆ มาใช้ไม่ได้ แก้อย่างไร

อยู่ดี ๆ เครื่องแฮงค์เรียกคำสั่งต่าง ๆ มาใช้ไม่ได้ แก้อย่างไร

 
อยู่ดี ๆ เครื่องแฮงค์เรียกคำสั่งต่าง ๆ มาใช้ไม่ได้ แก้อย่างไร
หากทำงานอยู่ดี ๆ เครื่องเกิดแฮงค์ค้าง เรียกคำสั่งต่าง ๆ มาใช้ไม่ได้ เราสามารถแก้ไขได้ดังนี้

1. ให้เรากดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete พร้อมกันที่คีย์บอร์ด
2. จะปรากฎหน้าต่าง Close Program ขึ้นมา โดยจะปรากฎ คำว่า Not Responding หลังโปรแกรมที่ค้าง
3. คลิกปุ่ม End Task เพื่อปิดโปรแกรมที่ค้าง
4. คลิกปุ่ม End Task อีกครั้ง โปรแกรมที่ค้างจะถูกลบออก เราก็สามารถใช้งาน Windows อย่างปกติ
5. ถ้าหากยังลบไม่ได้ให้กดปุ่ม Ctrl+Alt+Delete พร้อมกัน 2 ครั้ง เพื่อบู๊ตเครื่องใหม่
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

 

69. สาเหตุของปัญหาเครื่องแฮงค์

สาเหตุของปัญหาเครื่องแฮงค์

 
สาเหตุของปัญหาเครื่องแฮงค์
วันนี้เราจะมาพูดถึงปัญหาคอมพิวเตอร์กัน เพราะว่าหลังจากที่เราใช้เครื่องไปสักระยะหนึ่ง ถ้าเครื่องของเราเกิดปัญหาขึ้น เช่น แฮงค์ไปเฉยๆ ไม่สามารถทำงานต่อได้ ต้องรีสตาร์ทเครื่องใหม่บ่อยๆ เราคงอยากทราบว่าสาเหตุและวิธีการแก้ปัญหาที่ทำให้คอมพิวเตอร์แฮงค์ ในหน้านี้เราจะรวบรวมปัญหาต่างๆที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลให้คอมพิวเตอร์ของ ท่านเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาพร้อมวิธีการแก้ปัญหาเหล่านั้น
่้่่สำหรับปัญหาว่าทำไมเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาเฉยๆนี้เป็นปัญหายอดนิยม และพบกันมากที่สุดในกลุ่มผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และเป็นปัญหาที่ไม่ค่อยมีคนรู้สาเหตุมากที่สุด เราสามารถแบ่งแยกประเภทของสาเหตุที่ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดอาการแฮงค์ได้ 2 ประการคือ

1. ฮาร์ดแวร์ หรือ 2. ซอฟท์แวร์และระบบปฏิบัติการ(OS) เราจะมาดูสาเหตุที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเราแฮงค์ พร้อมทั้งวิธีแก้ไขปัญหาทีละประการ

สาเหตุจากฮาร์ดแวร์ เราสามารถแยกปัญหาที่เกิดขึ้นจากฮาร์ดแวร์ได้ 4 ประเภทได้แก่

ความ ไม่เข้ากันของอุปกรณ์แต่ละตัว ปัญหานี้มักจะเกิดกับผู้ซื้อคอมพิวเตอร์ประเภทแยกชิ้นส่วนประกอบ ซึ่งอาการแฮงค์เหล่านี้จะเริ่มขึ้นตั้งแต่เราใช้เครื่องครั้งแรกๆเลยอาจจะ เปิดเครื่องมาเฉยๆแล้วก็แฮงค์ใช้งานนิดๆหน่อยๆแล้วก็แฮงค์ถ้าอาการหนักหน่อย อาจจะถึงขั้นไม่สามารถใช้เครื่องได้เลย ต้นตอของปัญหานี้เกิดจากการที่เราขาดการศึกษาเรื่องฮาร์ดแวร์ที่นำมาประกอบ เป็นเครื่องของเรา อีกทั้งอาจเป็นไปได้ที่ผู้ขายนำอุปกรณ์คุณภาพต่ำมาประกอบเป็นคอมพิวเตอร์ที่ มีราคาถูกมาขายให้เราก็ได้

วิธีแก้ไขปัญหา ก็ควรจะเลือกใช้คอมพิวเตอร์แบรนเนมจะดีกว่า แต่ถ้าเกิดเราขัดสนปัญหาทางการเงิน เราก็ควรจะศึกษาจากการอ่านหนังสือ หรือถามจากบุคคลที่รู้จักที่เคยผ่านการใช้คอมพิวเตอร์มาแล้ว การศึกษาก่อนการตัดสินใจซื้อ จะเป็นประโยชน์ต่อตัวคุณและเงินในกระเป๋าของคุณก็จะถูกใช้อย่างคุ้มค่าด้วย

ได รเวอร์ล้าสมัย ไดร์เวอร์คือ ซอร์ฟแวร์อย่างหนึ่งที่มีหน้าที่ในการสั่งการหรือเชื่อมโยงการทำงานระหว่าง โปรแกรมประยุกต์หรือระบบปฏิบัติการกับอุปกรณ์ต่างๆภายในเครื่อง เนื่องจากอุปกรณ์คอมพิวเตอรืมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมามากมายแต่ไดร์เวอร์ที่ออกมาก่อนหน้าที่จะมีอุปกรณ์ตัว ใหม่ออกมาก็อาจจะทำงานร่วมกันได้ไม่ดีและเกิดอาการแฮงคได้

ซึ่ง อาการหลักๆที่เกิดขึ้นกับไดร์เวอร์คือ ถ้าเรามีการใช้งานอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ที่ไม่ได้มีการอัพเดทไดร์เวอร์ใหม่ๆอย่างสม่ำเสมอจะเกิดหน้าจอสีฟ้าขึ้นซึ่ง ถ้าเราไม่เข้าใจอาการหรือสาเหตุนี้เราอาจคิดไปว่าเครื่องเสียจนต้อง Format เครื่องเลยก็มี

วิธีแก้ไขปัญหานี้ ง่ายๆก็คือ ให้เราไปอัพเดทไดร์เวอร์อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่เว็บไซต์ของผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ หรืออุปกรณ์ที่อยู่ภายในเครื่องของเรา

ฝุ่น คือตัวนำไฟฟ้า สาเหตุอีกประการหนึ่งที่ทำให้เครื่องของเราแฮงค์และอาจจะดูเป็นสาเหตุที่ทำ ให้คนคาดไม่ถึงได้นั่นก็คือฝุ่นนั่นเอง เราอจจะสงสัยว่าทำไมฝุ่นจึงทำให้เกิดอาการแฮงค์ได้ ในความเป็นจริงแล้วฝุ่นดูจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คอมพิวเตอร์แฮงก์ เพราะฝุ่นเป็นตัวนำไฟฟ้าได้จะรุนแรงขนาดไหนต้องขึ้นอยู่กับชนิดของฝุ่น และอีกสาเหตุที่ทำให้เครื่องแฮงก์ก็คือบริเวณที่ฝุ่นเกาะ เช่น ถ้าเป็นบริเวณเมนบอร์ดวงจรจะไม่มีผลเพราะมีสารเคลือบกันเอาไว้ แต่บริเวณขาไอซีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ ในเครื่องถ้ามีฝุ่นที่จะสามารถนำไฟฟ้าไปเกาะระหว่างขาสัญญาณก็เป็นสาเหตุที่ ทำให้เครื่องทำงานผิดพลาดหรือแฮงค์ได้

วิธีแก้ปัญหา คือ เราก็แค่ทำความสะอาดเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราอยู่เสมอหรืออย่างน้อย 1 ครั้ง/สัปดาห์ เมื่อใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เสร็จก็ควรหาผ้าคลุมเครื่องกันฝุ่น สำหรับอุปกรณ์ภายในควรปรึกษาผู้ชำนาญในการทำความสะอาดส่วนน

สาเหตุจากซอร์ฟแวร์และระบบปฏิบัติการ

สาเหตุ ของคอมพิวเตอร์แฮงค์ที่ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่นั่นคือ ซอร์ฟแวร์และระบบปฏิบัติการ ซึ่งต้นตอของสาเหตุที่ซอร์ฟแวร์ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์แฮงค์นั่นคือการทำ งานผิดพลาดของโปรแกรม และยิ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สนับสนุนการทำงานแบบใช้โปรแกรมหลายๆโปรแกรม พร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน(Multitasking) จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้โปรแกรมภายในเครื่องของเราทำงานขัดแย้งกันสูงขึ้น เราจะมาดูสาเหตุหลักๆที่ซอร์ฟแวร์เป็นต้นตอของอาการแฮงค์ในคอมพิวเตอร์ของ เรา

สาเหตุจากระบบปฏิบัติการ (Operating System)

ระบบ ปฏิบัติการ ถ้าเปรียบไปแล้วก็เหมือนกับแม่บ้านที่คอยดูแลรักษาบ้านของเราให้อยู่อย่าง ปกติสุข ซึ่งระบบปฏิบัติการจะทำการควบคุมโปรแกรมหรือฮาร์ดแวร์ให้ทำงานตามคำสั่งเรา อีกทีหนึ่งอาการที่เราเรียกว่าแฮงค์ที่เกิดจากระบบปฏิบัติการมักมีสาเหตุมา จากการควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ผิดพลาด เช่น การควบคุมหน่วยความจำ เพราะโปรแกรมที่ทำงานระบบปฏิบัติการ Windows ในขณะใดขณะหนึ่งไม่ได้มีแค่โปรแกรมเดียว ดังนั้นระบบปฏิบัติการจึงต้องคอยบริการและควบคุมการใช้งานฮาร์ดแวร์เพื่อ ป้องกันการตีกันเองระหว่างโปรแกรมที่ทำงานในขณะนั้น ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างโปรแกรมที่ทำงานอยู่ภายในแต่ละเครื่องก็แตกต่างกัน ตามผู้ใช้แต่ละคน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะออกแบบระบบปฏิบัติการให้ปราศจากข้อผิดพลาดใน การควบคุมการทำงานระหว่างโปรแกรม แนวมางการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์แฮงค์นั้นคือ การหลีกเลี่ยงการทำงานที่เคยพบว่าทำให้แฮงค์ หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องลงระบบใหม่ ซึ่งอาการอาจจะดีขึ้น หากอาการแฮงค์นั้นเกิดเพราะไฟล์บางไฟล์ของระบบปฏิบัติการถูกแก้ไขไปด้วย โปรแกรมอื่น ซึ่งปัญหาลักษณะนี้จะเกิดและมีวิธีแก้ไขเหมือนกันทุกเครื่องที่มีองค์ประกอบ ในลักษณะเดียวกัน

สาเหตุจากไดรเวอร์

ไดร์เวอร์ คือโปรแกรมที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อการสั่งงานจากระบบปฏิบัติการไปยังฮาร์ดแวร์ ของแต่ละผู้ผลิต โดยปกติแล้วไดรเวอร์จะมีโอกาสที่ทำให้เกิดอาการแฮงค์ไม่มากนักอาการที่เคยพบ เห็นก็คือเครื่องจะหยุดนิ่งไปเฉยๆเป็นเวลานาน และเกิดข้อผิดพลาดที่มีการบอกรายละเอียดข้อผิดพลาดขึ้นหรือไม่ก็อุปกรณ์ทำ งานเพี้ยนไปจากที่ควรจะเป็น

วิธี แก้ไขปัญหา ผมขอแนะนำให้อัปเกรดไดรเวอร์ของอุปกรณ์บ้างก็ดี ซึ่งอย่างน้อยมันก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการทำให้เครื่องคอมเราแฮงค์และยัง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์อีกด้วย

โปรแกรมแอพพลิเคชั่นที่ทำให้เครื่องแฮงค์

อา การแฮงค์นี้เกิดจากโปรแกรมประยุกต์ เป็นอาการที่พบได้บ่อยพอสมควร แต่สาเหตุจริงๆเกือบทั้งหมดไม่ได้มาจากตัวโปรแกรมประยุกต์โดยตรงแต่มักเกิด จาการทำงานการทำงานของไฟล์บางตัวที่ทำให้เข้าไปเปลี่ยนแปลงบางจุดของระบบ ปฏิบัติการ ทำให้ระบบรวนได้อาการแฮงค์ในลักษณะนี้มักจะอยู่ในรูปของการที่เครื่องหยุดทำ งานไปเฉยๆ โดยไม่ได้แสดงอะไรออกมาทั้งสิ้น(แม้แต่หน้าจอสีฟ้า) ซึ่งอาการเหล่านี้อาจจะเกิดกัยเครื่องเพียงบางเครื่องเท่านั้น โดยที่เครื่องบางเครื่องใช้โปรแกรมเดียวกันอาจจะไม่เกิดอาการแฮงค์ โปรแกรมประยุกต์ที่ทำให้เครื่องแฮงค์มักจะเป็นโปรแกรมที่ซับซ้อนหรือมีการทำ งานที่หลาหลายมากๆ

วิธีการแก้ไขปัญหา ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานโปรแกรมพวกนี้ เพราะฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อนอาจจะเกินความจำเป็นและยังทำให้เครื่องรวนอีกด้วย

สำหรับ อีกปีญหาหนึ่งที่เคยพบเห็นมากก็คือ General Protection Fault ซึ่งจะขึ้นมาเป็นกรอบโต้ตอบให้กด Close ได้อย่างเดียว บางคนอาจจะว่าร้ายแรงน้อยกว่า Blue Screenก็ได้ เพราะไม่ตัดหน้าจอสวยๆแล้วเปลี่ยนไปเป็นจอสีฟ้าแข็งทื่อ ซึ่งผลกระทบของอาการแปฮงค์นี้ก็จะทำให้เราไมาสามรถทำงานต่อไปได้และยังทำให้ เราไมาสามรถเซฟงานที่เราทำไว้ได้อีกด้วย

ลักษณะปัญหาอีกอย่างหนึ่งก็คือ การเกิดจากโปรแกรมประยุกต์ ก็คือเครื่องเราเกิดอาการแฮงค์หลังจากที่ลงโปรแกรมใดๆลงไปนั่นเองทั้งๆที่ ก่อนหน้านั้นในจุดนี้ไม่เคยเกิดอาการแฮงค์ มักจะเกิดขึ้นเมื่อเราลงโปรแกรมเวอร์ชั่นใหม่ทับเวอร์ชั่นเก่า เพราะฉะนั้นเราควรจะถอนเวอร์ชั่นเก่าก่อนลงเวอร์ชั่นใหม่ครับ

คอมพิวเตอร์ติดไวรัส

อาการแฮงค์ที่เกิดจาการที่เครื่องเราติดไวรัส เป็นอาการที่ตรวจสอบได้ยากที่สุด เพราะไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นเป็นโปรแกรมตัวหนึ่งที่สามทารถเข้ามาในเครื่องของเราได้หลายทาง ถ้าเราไม่เคยตรวจสอบไวรัสภายในเครื่องของเราเลยจนไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปเลยก็มี อาการเครื่องแฮงค์ที่เกิดจากไวรัสมักจะเกิดกับจุดที่ไม่เคยแฮงค์ ทั้งๆที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลย อีกทั้งก่อนหน้าที่จะแฮงคืนั้นมักจะแสดงอาการแปลกๆให้เรารับรู้ก่อน เช่น ทำงานช้าลงจนเรารู้สึกได้ หรือมีอาการกระตุกบ่อยๆ ในบางครั้งอาจจะมีไฟล์บางไฟล์โผล่เข้ามาโดยเราไม่สามารถหาต้นตอได้ บางคนอาจจะไม่ยอมรับว่าเครื่องติดไวรัสเพราะต่างเชื่อมั่นในโปรแกรมป้องกันไวรัสของตน

วิธีการแก้ไขปัญหา เราจึงไม่ควรเปิดโปรแกรมหรือเอกสารที่เราไม่รู้จักหรือไม่มั่นใจ นอกจากนี้ควรตรวจสอบไวรัสในเครื่องของเราบ้างและอัปเกรดโปรแกรมป้องกันไวรัสบ้างก็ดีน่ะครับ.
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

68. วิธีแก้ปัญหา Drive A จำข้อมูลเก่า

วิธีแก้ปัญหา Drive A จำข้อมูลเก่า

 
วิธีแก้ปัญหา Drive A จำข้อมูลเก่า
เคยเกิดปัญหาอย่างนี้ใหม เวลาใส่แผ่นดิสก์ใน ไดร์ฟ A แล้ว เครื่องยังจำข้อมูลของแผ่นที่ใส่อยู่ก่อนหน้า มีวิธีแก้ไขลักษณะอย่างนี้ โดยการกดปุ่ม F5 บนคีย์บอร์ดเพื่อ Refresh หรือไม่ก็ลองเลือกไปที่ไฟล์อื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในไดรฟ์ A จากนั้นค่อยกลับมาที่ ไดรฟ์ A อีกครัง
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

67. แรมและการ์ดจอต้นเหตุของจอภาพมืด

แรมและการ์ดจอต้นเหตุของจอภาพมืด

 
แรมและการ์ดจอต้นเหตุของจอภาพมืด
เมื่อเปิดเครื่องแล้วพบว่าจอภาพมืดไม่แสดงภาพ อาการนี้อย่างมักเกิดจากแรมและกดาร์ดจอ ดังนั้นสิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนก็คือลองขยับแรม และการ์ดจอดูอีกครั้ง โดยแนะนำให้ถอดแรมและการ์ดจอออกก่อน หลังจากนั้นก็ติดตั้งเข้าไปใหม่ ถ้าแรมหรือการ์ดจอไม่เสีย ก็จะใช้งานได้ปกติ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้ก็เพราะขาเสียบของอุปกรณ์สกปรก (หน้าสัมผัสส่วนที่เป็นทองแดง) พอนำมาทำความสะอาดก็นำไปใช้งานได้เหมือนเดิม สำหรับการทำความสะอาดก็ไม่ยาก ให้ใช้ยางลบดินสอถูที่หน้าสัมผัสเท่านั้นเอง
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

66. รูปไอคอนรูปถังขยะ เปลี๊ยนไป๊ แก้ไง

รูปไอคอนรูปถังขยะ เปลี๊ยนไป๊ แก้ไง

 
รูปไอคอนรูปถังขยะ เปลี๊ยนไป๊ แก้ไง
บางครั้งเมื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ ไปนาน ๆ วินโดวส์ของคุณอาจออกอาการเพี้ยนไปบ้าง เช่น ไอคอนรูปถังขยะ เปลี่ยนเป็นรูปอื่นเฉยเลย ซึ่งจากปัญหานี้สามารถแก้ไขปัญหาได้ดังนี้
1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่างของเดสก์ทอป จากนั้นเลือกไปที่ตัวเลือก Properties
2. คลิกที่แท็บ Effects
3. จากนั้นคลิกปุ่ม Default Icon
4. คลิก ok เพียงเท่านี้ไอคอนของ Recycle Bin ก็จะกลับมาเป็นรูปเดิม
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

65. รวมปัญหาและวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเมนบอร์ด

รวมปัญหาและวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเมนบอร์ด

 
รวมปัญหาและวิธีแก้ไขปัญหาที่เกิดจากเมนบอร์ด
เมนบอร์ด (Mainboard) เป็นแผงวงจรหลักในคอมพิวเตอร์มีลักษณะเป็นแผ่นเซอร์กิต PCB (Print Circuit Board) ใช้สำหรับติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่าง ๆ รวมทั้ง ซีพียู, หน่วยความจำหรือ RAM และแคช (Cache) ซึ่งหน่วยความจำความเร็วสูงสำหรับพักข้อมูลระหว่างซีพียูและแรม
อุปกรณ์ที่สำคัญอีกชนิดหนึ่งซึ่งอยู่บนเมนบอร์ดได้แก่ ชิปเซ็ต (Chipset) ภายในประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ขนาดเล็กจำนวนหลายล้านตัว ผลิตด้วยเทคโนโลยีการทำงานระหว่างอุปกรณ์ชนิดต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เมนบอร์ดแต่ละยีห้อและแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติต่างกัน นอกจากนี้บนเมนบอร์ดยังมีช่องสำหรับเสียบการ์ดเพิ่มเติมที่เรียกว่า สล็อต (Slot) ซึ่งการ์ดจอ, การ์ดเสียง ฯลฯ ต่างก็เสียบอยู่บนสล็อต นอกจากนี้เมนบอร์ดในปัจจุบัน ยังได้รวมเอาส่วนควบคุมการทำงานต่าง ๆ ไว้บนตัวเมนบอร์ดอีกด้วย ได้แก่ ส่วนควบคุมฮาร์ดดิสก์ (Harddisk Controller), พอร์ตอนุกรม (Serial Port), พอร์ตขนานหรือพอร์ตเครื่องพิมพ์ (Printer Port), พอร์ต PS/2, USB(Universal Serial Bus) รวมทั้ง Keyboard Controller สำหรับอุปกรณ์อื่นที่มีมาตั้งแต่เริ่มกำเนิดเมนบอร์ดได้แก่ ROM BIOS และ Real-Time Clock เป็นต้น

อาการเสียที่เกิดจากเมนบอร์ด
เมนบอร์ดเป็นที่รวมอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ติดตั้งภายในคอมพิวเตอร์จึงมีปัญหาต่อเนื่องเกี่ยวพันกับอุปกรณ์อื่นเช่น ซีพียู แรม หรือการ์ดติดตั้งต่าง ๆ สำหรับปัญหาที่ผู้ใช้มักพบเห็นที่เกี่ยวกับเมนบอร์ดดังนี้

• ปัญหาที่ 1 รู้ได้อย่างไรว่าเมนบอร์ดที่ใช้อยู่ รองรับอุปกรณ์ Onboard อะไรบ้าง
วิธีแก้ หากอยากรู้ว่าคอมพิวเตอร์หรือเมนบอร์ดที่ใช้อยู่มีอุปกรณ์ Onboard อะไรแถมมาด้วยก็ไม่ยาก โดยให้ดูที่ด้านท้ายเคสซึ่งจะมีพอร์ตสำหรับต่อเมาส์ และย์บอร์ด ถ้าหากเมนบอร์ดมีอุปกรณ์ Onboard อื่นให้มาด้วยก็จะมีพอร์ตสำหรับอุปกรณ์นั้นเช่น พอร์ต Modem, Lan, VGA, Sound คือถ้าพบมีพอร์ตดังกล่าวอยู่ท้ายเคสก็ให้เสียบใช้งานได้ทันที

• ปัญหาที่ 2 การ์ดจอ Onboard เสียจะทำอย่างไร
ปัญหานี้จะแสดงอาการออกมาในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟเข้าเครื่องทำงานปกติแต่หน้าจอจะไม่มีภาพอะไรเลย ผู้ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำให้สูญเสียเงินไปโดยใช่เหตุ
สาเหตุ เป็นเพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย ทำให้ไม่มีภาพปรากฏบนหน้าจอ
วิธีแก้ ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP แทน หากเป็นรุ่นที่ไม่มีสล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน

• ปัญหาที่ 3 เมนบอร์ดมีการ์ดเสียง Onboard ไม่ทำงาน
ปัญหานี้มีลักษณะคล้ายกับปัญหาการ์ดจอ Onboard แต่ส่วนใหญ่การ์ดเสียง Onboard ที่มีปัญหาใช้งานไม่ได้
- สาเหตุ
1. ยังไม่ได้กำหนดให้ใช้งานวงจรเสียงได้จากไบออส
2. ยังไม่ติดตั้งไดรเวอร์สำหรับวงจรเสียงดังกล่าว
3. อาจเป็นส่วนของวงจรเสียงในชิปเซ็ตเสีย
- วิธีแก้
1. กำหนดค่าในไบออสโดยเลือกหัวข้อ Integrated Peripherals
2. เลือกหัวข้อ Onboard Hardware Audio และกำหนดค่าเป็น Enabled
3. Save ค่าไว้และออกจากไบออสบู๊ตเครื่องใหม่
4. ใช้แผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดติดตั้งไดรเวอร์เสียงลงใน Windows
5. หากติดตั้งแล้วใช้การไม่ได้แสดงว่าส่วนวงจรเสียงเสีย ให้ Disabled ยกเลิกการใช้งานในไบออส แล้วหาซื้อการ์ดเสียงมาติดตั้งใหม่

• ปัญหาที่ 4 จะติดตั้งพอร์ต USB ของตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดได้อย่างไร
สาเหตุ เมนบอร์ดทั้วไปมักจะมีพอร์ต USB ติดตั้งมาให้จำนวน 2 พอร์ต โดยจะมีขั้วพอร์ต USB ให้อีก 1 ช่องสำหรับต่อพอร์ต USB ได้อีก 2 พอร์ต ซึ่งพอร์ตต่อเพิ่มพอร์ต USB มักเป็น Options เสริมที่ต้องซื้อเพิ่มเอาเองแต่ในตัวเคสรุ่นใหม่ที่ด้านหน้าหรือด้านข้างมักจะมีพอร์ตเสริม USB มาให้อีก 2 พอร์ต
วิธีแก้ การติดตั้งพอร์ตเสริม USB ของตัวเคสจำนวน 2 พอร์ต เพื่อให้ใช้งานได้จะต้องนำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟจำนวน 8 เส้นมาเสียบต่อเข้ากับช่องต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดยจะต้องดูคู่มือเมนบอร์ดประกอบด้ยอย่าเสียบผิดสายเพระสาย USB จะมีไฟเลี้ยงอยู่ด้วย จะทำให้อุปกรณ์ต่อพ่วงเสียหายได้ สำหรับขั้นตอนการติดตั้งพอร์ต USB ตัวเครื่องเข้ากับเมนบอร์ดดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออกมาและหาตำแหน่งขั้วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ด โดยที่ขา 1 จะมีเส้นทึบสีขาวขีดคร่อมอยู่
2. นำสายสัญญาณและสายจ่ายไฟพอร์ต USB จากเมนบอร์ดมาเรียงไว้ โดยสายจะมี 2 ชุด ๆ ละ 4 เส้น
3. นำสายทั้ง 2 ชุดเสียบเข้ากับขั้วต่อพอร์ต USB บนเมนบอร์ดโดยดูจากคู่มือเมนบอร์ดประกอบกันด้วยอย่าสลับสายกันเป็นอันขาด

• ปัญหาที่ 5 ใช้งานพอร์ต USB 2.0 ผ่านเครื่องพิมพ์ ไม่เห็นความเร็วเพิ่มขึ้น
สาเหตุ พอร์ต USB 2.0 เป็นพอร์ตมาตรฐานเพิ่งออกมาใหม่ รองรับความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลได้สูงถึง 480 Mbps หรือเร็วกว่าพอร์ต USB 1.1 ถึง 40 เท่าแต่ใช่ว่าเมื่อเมนบอร์ดรองรับพอร์ต USB 2.0 แล้วจะสามารถใช้งานได้เลย ต้องทำการติดตั้งไดรเวอร์ของ USB 2.0 ให้ถูกต้องเสียก่อน
วิธีแก้ สำหรับวิธีการตรวจดูว่าคอมพิวเตอร์ของเรา ได้ติดตั้งและใช้ความสามารถของพอร์ต USB 2.0 แล้วหรือยังมีดังนี้
1. ใน Windows XP ให้คลิกปุ่ม Start>Control Panel>Switch to classic view
2. ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน system
3. คลิกแท็ป Hardware
4. คลิกปุ่ม Device Manager
5. คลิกเครื่องหมาย + หน้า Universal Serial Bus controllers จะพบว่ามีแต่ไดรเวอร์ของ USB 1.1 ติดตั้งไว้เท่านั้น สำหรับ USB 2.0 ยังไม่ได้ติดตั้ง (มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองหน้าตัว Universal Serial Bus (USB) Controller
6. ให้ติดตั้งไดรเวอร์ USB 2.0 โดยการคลิกเมาส์ขวาที่ตัว Universal Serial Bus (USB) Controller และเลือก Update Driver…
7. เมื่อปรากฏหน้าจอให้ Update Driver ให้ใส่แผ่นซีดีรอมไดรเวอร์ของเมนบอร์ดเข้าเครื่องและคลิกเลือกหัวข้อ Install the software automatically และดำเนินการตามขั้นตอนที่ปรากฏหน้าจอต่อไป
8. ในขั้นตอนที่ 6 หากต้องการติดตั้งไดรเวอร์ USB จากแผ่นไดรเวอร์เมนบอร์ดโดยตรงก็สามารถทำได้โดยใส่แผ่นไดรเวอร์เข้าไปใน เครื่องเพื่อให้รันโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะปรากฏหน้าจอให้เลือกข้อ VIA USB 2.0 Driver และดำเนินการไปตามข้นตอนที่ปรากฏบนหน้าจอไปจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นจะบู๊ตเครื่องขึ้นมาใหม่
9. ให้เข้าไปตรวจสอบสถานะของไดรเวอร์ USB 2.0 ว่าได้รับการติดตั้งแล้วหรือไม่โดยเข้าไปที่ Control Panel ซึ่งจะพบว่ามีไดรเวอร์ของ USB 2.0 ได้รับการติดตั้งแล้วคือ USB 2.0 Root Hub และ VIA USB 2.0 Enchanced Host Controller เพียงเท่านี้เมื่อมีการใช้งานพอร์ต USB 2.0 เช่น สั่งพิมพ์งานเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์งานเอกสารด้วยเครื่องพิมพ์ผ่านพอร์ต USB 2.0 งานพิมพ์แทบจะวิ่งออกมาทีเดียว

• ปัญหาที่ 6 เปิดสวิทซ์แล้วเครื่องไม่ทำงานใด ๆ เลยไฟก็ไม่ติด ไม่มีเสียงร้อง
- สาเหตุที่ 1 ปลั๊ก Power Supply หลวม
วิธีแก้ ให้ลองขยับปลั๊ก Power Supply ทั้งทางด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์และที่เต้าเสียบให้แน่น
- สาเหตุที่ 2 อาจเป็นที่ Power Supply เสีย
วิธีแก้ ให้ลองตรวจเช็คว่ามีไฟฟ้าออกจาก Power Supply ถูกต้องหรือไม่วิธีสังเกต ถ้าเป็นสายไฟสีแดงจะมีค่า +5 Volt ถ้าเป็นสายสีเหลืองจะมีค่า +12 Volt หรืออาจสังเกตง่าย ๆ ขั้นต้นว่าเมื่อเปิดสวิทซ์นั้นพัดลมที่ติดอยู่กับ Power Supply หมุนหรือไม่ และเป็นไปได้ที่บางครั้ง Power Supply อาจจะเสียแต่พัดลมยังหมุนอยู่ เราอาจจะลองนำ Power Supply ตัวอื่นที่ไม่เสียมาลองเปลี่ยนดูก็ได้ ถ้าเสียก็ซื้ออันใหม่มาเปลี่ยน เอาแบบวัตต์สูง ๆ ก็จะดี
- สาเหตุที่ 3 เป็นที่เมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ถ้า Power Supply ไม่เสียมีไฟเลี้ยงเข้าเมนบอร์ดตามปกติ ให้ลองเช็คโดยการถอดการ์ดต่าง ๆ และ RAM ออกหมด ถ้าเปิดเครื่องแล้วไม่มีเสียงร้องแสดงว่าเมนบอร์ดหรือ CPU เสีย แต่ถ้ามีเสียงร้องแสดงว่าอุปกรณ์บางตัวที่ถอดออกไปเสีย และถ้าหากเมนบอร์ดเสียให้ส่งที่ร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่
- สาเหตุที่ 4 CPU หลวม
วิธีแก้ ส่วนใหญ่เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นกับซีพียูประเภทซ็อคเก็ตสล็อตวัน (Slot 1) และซ็อคเก็ตสล็อตทู (Slot 2) เช่น เพนเทียมทู เป็นต้น ให้เราปิดฝาเครื่องและลองขยับซีพียูที่ดูเหมือนแน่นอยู่แล้วให้แน่นขึ้นไปอีก
- สาเหตุที่ 5 CPU เสีย
วิธีแก้ ลองหา CPU ตัวใหม่มาลองเปลี่ยนแทน ถ้าใช้ได้ละก็แสดงว่าตัวเก่าเสียแน่นอน
- สาเหตุที่ 6 เป็นที่อุปกรณ์บางตัวเสียทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร
วิธีแก้ ให้ลองใส่ตรวจเช็คทีละตัว

• ปัญหาที่7 เปิดเครื่องแล้วมีเสียงร้องแต่ไม่ยอมทำงานใด ๆ 
- สาเหตุที่ 1 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม
วิธีแก้ ถ้าอุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดหลวม จะทำให้กระบวนการเช็คค่าเริ่มต้น (POST) ของ BIOS ฟ้องค่าผิดพลาด ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 2 อุปกรณ์บางตัวที่อยู่บนเมนบอร์ดต่อไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ ส่วนใหญ่มักเกิดกับ RAM ปกติเมื่อเราเปิดเครื่องแล้วมีปัญหาไม่สามารถแสดงภาพออกทางหน้าจอในตอนเริ่มต้นได้ Bios จะพยายามแจ้งอาการเสียผ่านทางเสียงร้องออกทางลำโพงที่อยูภายในเครื่องคอมพ์ ให้เราเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ด
- สาเหตุที่ 3 อุปกรณ์บางตัวที่ต่อกับเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้เราลองเปรียบเทียบค่าสัญญาณ Beep Code จากคู่มือเมนบอร์ดดู
- สาเหตุที่ 4 Chip บนเมนบอร์ดบางตัวเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเครื่อง Beep Code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่

• ปัญหาที่ 8 เครื่องทำงานพื้นฐานตามปกติได้แต่ไม่สามารถใช้อุปกรณ์บางตัวได้ โดยที่อุปกรณ์ตัวนั้นไม่ได้เสีย
- สาเหตุที่ 1 Chip บางตัวบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ให้ลองไปดูเรื่อง Beep code และถ้าสาเหตุมาจาก Chip บนเมนบอร์ดให้ไปส่งร้านซ่อมเพื่อเปลี่ยน Chip หรือต้องซื้อเมนบอร์ดตัวใหม่ถ้าไม่มีอะไหล่
- สาเหตุที่ 2 สล็อตหรือพอร์ตบางพอร์ตบนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ลองเปลี่ยนการ์ดตัวนั้นไปเสียบสล็อตอื่นที่เหลือแทน แล้วลองทดสอบตามปกติ ถ้าเหมือนเดิมส่งร้านซ่อมหรือซื้อเมนบอร์ดใหม่
- สาเหตุที่ 3 เกิดการ Conflict กับอุปกรณ์ตัวอื่น
วิธีแก้ เข้าไปที่ Device Manager ให้สังเกตว่ามีเครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) แสดงว่าที่อุปกรณ์ตัวนั้นมีปัญหา ได้ดับเบิ้ลคลิกที่อุปกรณ์ตัวนั้นเพื่อเข้าสู่ Properties จากนั้นลองแก้ไขค่า Resources ต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ซ้ำกับอุปกรณ์ตัวอื่นครับ
- สาเหตุที่ 4 ไม่ได้ลงไดรเวอร์
วิธีแก้ ให้ทำการติดตั้งไดรเวอร์ลงไป โดยไดรเวอร์มักจะแถมมากับอุปกรณ์ตัวนั้น ๆ หรือถ้าหาไม่ได้ให้ลองดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ผู้ผลิตดู
- สาเหตุที่ 5 ลงไดรเวอร์ผิดรุ่น
วิธีแก้ ในบางครั้งที่ระบบปฏิบัติการจะตรวจสอบชนิดและรุ่นของอุปกรณ์ตัวนั้น ๆ โดยอัตโนมัติ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่ผลของการตรวจสอบจะคลาดเคลื่อน ทางที่ดีควรตรวจเช็คให้แน่ว่ารุ่นของอุปกรณ์ตรงกับไดรเวอร์ที่ลงหรือไม่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลงไดรเวอร์จากแผ่นโปรแกรมที่มาพร้อมกับเครื่อง

• ปัญหาที่ 9 คอมพิวเตอร์แฮงก์บ่อย ๆ โดยหาสาเหตุไม่ได้
- สาเหตุที่ 1 อาจเกิดจากไวรัสคอมพิวเตอร์
วิธีแก้ ลองใช้โปรแกรม Antivirus เวอร์ชั่นอัพเดทตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด
- สาเหตุที่ 2 คุณภาพเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐาน
วิธีแก้ อาจเป็นเพราะคุณภาพของเมนบอร์ดไม่ถึงมาตรฐานของโรงงาน ซึ่งโดยมากมักเกิดกับเมนบอร์ดที่เพิ่งซื้อมาใหม่ ให้เอาไปเปลี่ยน
- สาเหตุที่ 3 ไฟล์ระบบปฏิบัติการชำรุด
วิธีแก้ ถ้ามั่นใจแล้วว่าไม่ได้เกิดจากไวรัสและสาเหตุอื่น ๆ ให้เรา Backup ข้อมูล ฟอร์แมต แล้วลงระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใหม่ทั้งหมด

• ปัญหาที่ 10 เวลาบู๊ตเครื่องต้องกด ทุกครั้ง
สาเหตุ พบความผิดพลาดขณะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self Test)
วิธีแก้ เมื่อขณะเปิดเครื่อง Bios จะทำการตรวจสอบระบบเรียกว่า Post (Power On Self Test) ถ้าพบผิดพลาดจะมีข้อความแจ้งให้ผู้ใช้ทราบและหยุดรอผู้ใช้กด เพื่อทำงานต่อ ซึ่งข้อผิดพลาดส่วนใหญ่มักเกิดจากการที่เราตั้งค่าใน Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios ว่ามีอุปกรณ์บางอย่างอยู่ในเครื่องซึ่งไม่มีอยู่จริง เมื่อ Bios ค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้วไม่พบ อุปกรณ์ดังกล่าวจึงแจ้งความผิดพลาดให้เราทราบ ซึ่งเราอาจเข้าไปแก้ค่าต่าง ๆ ใน Bios ให้ตรงกับความจริง ปัญหาที่ Bios ก็จะหายไปเอง

• ปัญหา 11 หลังจากที่เปิดเครื่องแล้วมีแต่เสียงปี๊บ ยาวๆ เกิดขึ้นและเครื่องก็ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ 
วิธี แก้ ตามปกติเมื่อเปิดเครื่องแล้วคุณจะได้ยินเสียงดังปี๊บสั้นๆ หนึ่งครั้ง ซึ่งเสียงนี้สื่อให้คุณรู้ว่าระบบทุกอย่างอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีอะไรผิดพลาด ขึ้นกับอุปกรณ์ตัวหนึ่งตัวใดในเครื่องแล้ว ซึ่งกรณีนี้ส่วนใหญ่ มักเกิดจากการลืมติดตั้งการ์ดแสดงผล หน่วยความจำติดตั้งไม่แน่นหรือไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เสียงที่เกิดขึ้นนี้มีหลากหลายรูปแบบคุณจะต้องแยกให้ออก ว่าเสียงนั้นดังอย่างไร จากตัวอย่างเช่น สั้นสลับยาวหรือดังยาวๆ เพียงครั้งเดียว นอกจากนี้เมนบอร์ดที่ใช้ไบออสต่างยี่ห้อกันเสียงที่เกิดขึ้นก็จะบ่งบอก สาเหตุของปัญหาที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

64. รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่อาจเกิดขึ้นจาก CD-ROM Drive

รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่อาจเกิดขึ้นจาก CD-ROM Drive

 
รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่อาจเกิดขึ้นจาก CD-ROM Drive
ก่อนที่จะทำการลงมือจัดการกับอาการหนึ่ง ๆ ขอให้เช็คลิสต์ต่อไปนี้ เพื่อค้นหาสาเหตุ เสียก่อน ดังนี้
- ตรวจตราแผ่นดิสก์ที่ใช้ ดูความสะอาดของแผ่น รวมถึงร่องรอยความเสียหาย ลองใช้ดิสก์นี้กับเครื่องอื่นดูบ้าง เพื่อดูว่าอ่านได้หรือไม่ ถ้ากำลังทำการเขียน ให้ดูว่า สื่อ ดิสก์ที่ใช้ได้การรับรองว่ารันได้ตามความเร็วการเขียนที่ใช้อยู่หรือไม่ มิฉะนั้นแล้ว ก็ให้ ลดความเร็วการเขียนลง และลองเขียนใหม่อีกครั้ง

- ตรวจดูโค้ดแจ้งข้อผิดพลาดของไดรฟ์ ไดรฟ์บางชนิด ใช้เฟิร์มแวร์ที่มีการ แสดงผลกระพริบ LED เป็นตัวบอกถึงสาเหตุปัญหาภายในตัว ดูเอกสารจากผู้ผลิตเพื่อดูโค้ดนั้นบอกถึงอาการใด ส่วนใหญ่ แล้ว โค้ด LED ก็จะบอกถึงข้อบกพร่องของไดรฟ์ ซึ่งควรเปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ทันที

- ตรวจการจ่ายไฟเข้าไดรฟ์ ไดรฟ์ซีดีรับไฟผ่านเข้าหัวต่อมาตรฐานแบบ 4 พิน ถ้าไฟ LED ของไดรฟ์ไม่ติด ให้ตรวจ สายจ่ายไฟว่าเสียบแน่นหรือไม่ อย่าให้สาย Y หรือสายต่อแยกที่ต่อแยกไดรฟ์อีกตัว อาจเป็นผลให้ไดรฟ์ทำงานผิดพลาดได้

- ตรวจสายสัญญาณ ตรวจดูว่าการติดตั้งไดรฟ์ใหม่มักพบว่าต่อสายไว้ไม่แน่น หรือไม่ก็เสียบสายผิดด้าน ส่วนไดรฟ์ที่ ติด ตั้งไว้อยู่แล้วก็ยังพบว่ามีอุบัติเหตุสายหลุดได้เหมือนกัน ให้ตรวจสอบปลายทั้งสองด้าน หากพบว่าสายมีรอยหัก ถลอกหรือเสีย หายแบบใด ๆ ก็ต้องเปลี่ยนใหม่

- ตรวจสายออดิโอ ตรวจดูว่าสายนี้ติดตั้งไว้ถูกต้องทั้งสองปลาย ปัญหาส่วนใหญ่ในส่วนนี้มักมาจากเสียบสายออดิโอ ไว้ ผิดขั้วบนการ์ดเสียง สาเหตุอื่น ๆ ก็อาจเป็นกรณีที่เสียบสายไม่ถูกต้องใช้พินผิดตำแหน่งระหว่างไดรฟ์ซีดีและส่วนการ์ดเสียง ให้ลองเปลี่ยนใหม่

- ตรวจดูจั๊มเปอร์ กำหนด ID ของไดรฟ์ ATAPI IDE CD ต้องถูกคอนฟิกเป็น "Master " หรือ "Slave"และไดรฟ์ SCSI CD ต้องใช้ SCSI ID ที่ไม่ซ้ำค่ากัน ตรวจสอบซ้ำในตำแหน่งจั๊มเปอร์บนไดรฟ์ว่ากำหนด ID ไว้ถูกต้อง แล้วและ ไม่ ขัดแย้งกันไดรฟ์อื่นที่อยู่บน controller channel เดียวกัน ตัวอย่างเช่น การกำหนดไดรฟ์สองตัวบนแชนเนลเดียววกันเป็น "Master" ทั้งคู่ก็จะมีปัญหากับในระบบ ให้หลีกเลี่ยงการใช้แบบ "cable select " กับไดรฟ์ ATAPI IDE เนื่องจาก จะต้องใช้สายชนิดพิเศษที่ไม่ค่อยมีพร้อมมากับไดรฟ์ส่วนใหญ่

- ตรวจดูว่าในไบออสรู้จักกับไดรฟ์หรือไม่ ถ้าไดรฟ์ซีดีไม่มีการตอบสนอง ให้ดูในไบออส ในตอนสตาร์ท ครั้งถัดไป ไดรฟ์สมัยใหม ่จะแจ้งหมายเลขรุ่นและข้อมูลผู้ผลิตในไบออสตอนบูตด้วยพร้อม ๆ กับข้อความแจ้ง ส่วนฮาร์ดดิสก์ และ ไดรฟ์ชนิดต่าง ๆ คุณอาจสตาร์ท cmos setup และตรวจสอบว่าได้กำหนดเป็นแบบ"autodelect" หรือ "auto-configure" ถ้ากำหนดไว้เป็น "none" หรือ"not installed" ไบออสก็จะไม่ตรวจจับไดรฟ์ในตำแหน่งนี้ หากเป็นกรณีที่ เคยใช้ไดรฟ์ได้อย่างปกติมาก่อน แต่ตอนนี้ไม่พบก็ให้ตรวจสายจ่ายไฟและสายสัญญาณ หรือก็อาจเป็นไปได้ว่าไดรฟ์เสียแล้ว

- ตรวจดูว่า Windows จำไดรฟ์ได้หรือไม่ windows ควรที่จะจำไดรฟ์ซีดีได้ หากติดตั้งไว้อย่างถูกต้อง และแสดง รายการไว้อย่างถูกต้องใน Drvice Managerให้ตรวจดูในDrvice Manager และดูว่าแสดงรายชื่อถูกต้องหรือไม่ ถ้าแสดงรายการไว้เลย ก็แสดงว่า windows จะยังใช้ไดรฟ์ไม่ได้อีก ข้อบกพร่องก็น่าจะอยู่ที่สายจ่ายไฟ สายสัญญาณ หรือ ตัวไดรฟ์ หากแสดงรายการของไดรฟ์ แต่ชื่อไม่ถูกต้องให้ลองลบหรือ remove รายการนั้นออกจาก Drvice Manager แล้วรีบูตเพื่อให้ windows ตรวจจับไดรฟ์ใหม่อีกครั้ง

- ตรวจการอัปเดตไดรเวอร์ windows เวอร์ชันปัจจุบัน มีไลบรารีของไดรเวอร์ของไดรฟ์ซีดีชนิดต่าง ๆ ค่อนข้าง ครอบคลุมมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาไดรฟ์และข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก็ยังอาจเกิดขึ้นได้อยู่จึงควรที่ตรวจสอบ การอัปเดตจากผู้ ผลิต เมื่อได้ดาวน์โหลดไดรเวอร์ที่ถูกต้องมาแล้วให้ใช้แท็บdriverในไดอะล็อก Properties ของไดรฟ์ซีดีนั้น ๆ เพื่อเริ่ม ต้นกระบวนการอัปเดต

- ตรวจการอัปเดตเฟิร์มแวร์ เป็นโปรแกรมที่เป็นตัวดำเนินการต่อไดรฟ์ซีดี และปกติจะถูกบันทึกอยู่บน ชิปที่อยู่ในส่วน ชุดอิเล็กทรอนิกส์ มีบางกรณีที่เฟิร์มแวร์อาจมีข้อบกพร่องจนเป็นผลให้ไดรฟ์เกิดปัญหาได้ปกติมัก จะเกิดเมื่อจับคู่ฮาร์ดแวร์กับ os เวอร์ชันหนึ่ง ๆขณะหสไดรเวอร์อัปเดต ก็ควรที่จะดูการอัปเดตเฟริร์แวร์ด้วย

- เปลี่ยนไดรฟ์ใหม่ ถ้าขั้นตอนต่าง ๆ ที่กล่าวในข้างต้นนี้ยังไม่ช่วยแก้ปัญหาของไดรฟ์ซีดีได้เลย ก็อาจต้งถึงขั้นเปลี่ยน ไดรฟ์ตัวใหม่ที่ใช้ยี่ห้อและรุ้นอื่น วิธีนี้อาจช่วยแก้ไขได้ในเรื่องของ คอมแพทิเบิลหรือปัญหาด้านสมรรถนะที่อาจเกิดขึ้นได้ ในบางครั้ง

ปัญหาที่เกิดจาก CD-ROM Drive 
ได้รับแจ้งข้อความว่า "Buffer underrun at sector"
คำว่า "Buffer underrun" เป็นตัวแจ้งบอกว่ามีการขัดจังหวะในการไหลของ ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์เข้าสู่เครื่องบันทึกซีดี เป็นเวลานาน พอจนทำให้บัฟเฟอร์ของซีดีว่างเปล่าลง และมีผลทำให้กระบวนการเขียนนี้ยุติลง ถ้าเกิดสิ่งนี้ขึ้นระหว่าง ดำเนิน การเขียนจริง แผ่นซีดีนั้นก็อาจจะเสียหายไปเสียแล้ว เพื่อหลีกเลียงปัญหา Buffer underrun คุณควรจะลดโหลดภาระ ต่าง ๆ ของระบบลงให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ให้แน่ใจว่าสกรีนเซฟเวอร์ หรือโปรแกรมแบบฝังตัวในหน่วยความจำ ให้ ปิดวินโดวส์ใด ๆ ที่เปิดอยุ่ลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ดูว่าฮาร์ดดิสก์ขณะนั้นไม่ควรทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก

ข้อผิดพลาดบ่งชี้ว่าดิสก์ปลายทางมีขนาดเล็กกว่าดิสก์ต้นทาง
ข้อผิดพลาดนี้มักเกิดขึ้นเมื่อคุณพยายามจำทำซีดีที่มีอยู่แล้วไปยัง CD-R ไม่มีพื้นที่เพียงพอในแผ่น CD-R ที่จะคัดลอก จาก ซีดีต้นทาง ให้ลองใช้แผ่นเปล่า CD-R ใช้แผ่นขนาด 74 นาทีแทนที่จะใช้แผ่นขนาด 60 นาที

ได้รับแจ้งข้อความว่า "No write data (buffer empty)"
การไหลของข้อมูลเข้าไดรฟ์ CD-R ต้องมีความน่าเชื่อถือ ( reliable ) อย่างยิ่งเพื่อให้บัฟเฟอร์ที่กำลังใช้งาน ที่ตคอยจัด เตรียมข้อมูลให้พร้อมในการเขียนลงดิสก์อยู่นั้ไม่ว่างลง คำาแจ้งนี้บ่งบอกว่าการไหลข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์เข้า เครื่องบันทึก ซีดีถูกขัดจังหวะ ( คล้ายกับข้อผิดพลาด " Buffer Undrrun ) ให้แน่ใจว่าในขณะทำการเขียนดิสก์ไม้ได้ใช้สกรีนเซฟเวอร์ ยูทีลิตี้ TSR ใด ๆ หรือเปิดวินโดว์ใด ๆ ที่อาจส่วผลขัดจังหวะการทำงานเขียนดิสก์ได้ และฮาร์ดดิสก์ที่นำมา ใช้งาน นี้ไม่ ควรจะทำงานผ่านเน็ตเวิร์ก เรื่องต้องสงสัยต่อมาก็คือการเซ็ตอัป SCSI ตำแหน่งของเครื่องบันทึกซีดีแบบ SCSI ใน SCSI chain หรือความยาวของสาย SCSI ระหว่างอัปเต็ทเตอร์ SCSI และเครื่องบันทึกซีดี ซึ่งอาจเป็น ตัวการทำ ให้ส่ง ข้อมูลช้าลงด้วย ให้พยายามต่อเครื่องบันทึกซีดีไว้เป็นอุปกรณ์ตัวแรกของ SCSI chain ( คุณอาจจำเป็นต้องทำ ส่วนปลาย จบของ SCSI chain ใหม่อีกครั้ง ) และทำให้สาย SCSI สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ได้รับแจ้งว่า " Read file error " 
ไฟล์ตามที่อ้างอิงาจาก Vitrual image database ( เมื่อเขียนแบบ on the fly ) ไม่สามารถหาตำแหน่งได้พบหรือเข้าถึงได้จากไดรฟ์ต้นทาง ให้แน่ใจว่าไฟล์ต้องสงสัยนี้ไม่ได้ถูกใช้อยู่ทั้งจากคุณและคนอื่นบนเน็ตเวิร์ก ไฟล์นี้ยังอาจเสียหายก็ได้ให้ออกจากแอปพลิเคชั่น CD-R และรัน ScanDisk และ Defrag เพื่อตรวจสอบระบบไฟล์เพื่อค้นหาปัญหา คุณอาจจำเป็นต้องโหลดไฟล์ต่าง ๆ ทีเสียหายจากที่ทำสำรองเข้ามาใหม่

ได้รับแจ้งข้อความว่า " Write emergency "
ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นถ้าไดรฟ์ถูกขัดจังหวะระหว่างทำการเขียน มักพบในกรณีเขียน Red Book audio แต่ก็ยังเกิดขึ้น ได้กับการบันทึกข้อมูลด้วย ตัวอย่างเช่น อาจมีอนุภาคฝุ่นอยู่ทำให้เลเซอร์กระโดดข้ามไปบางแทร็ก ส่วนใหญ่แล้วก็จะทำให้ CD-R เสีย และต้องกระทำการเขียนบันทึกใหม่ด้วยแผ่นซีดีคุณภาพดี

ไม่สามารถเพิ่มข้อมูลเข้าในดิสก์ CD-RW ได้อีก
มีอยู่หลายสาเหตุที่มีผลป้องกันไม่ให้เพิ่มไฟล์เข้าไปในดิสก์ที่เคยเขียนไปแล้ว อย่างแรก ตรวจสอบพื้นที่ว่าง บนดิสก์คุณไม่ สามารถเพิ่มไฟล์ขนาด 100MB เข้าบนดิสก์ที่เหลือพื้นที่ว่างเพียง 50MB ต่อมาให้ดูที่ความแตกต่าง ระหว่างไดรฟ์และ ซอฟท์แวร์ คุณอาจพบปัญหาการเปลี่ยนเวอร์ชันของซอฟท์แวร์ หรือนำไปเขียนบนพีซีอีกตัวที่ใช้ไดรฟ์และซอฟท์แวร์ต่างไป

ไดรฟ์ CD-ROM ไม่อ่านดิสก์ CD-RW 
เป็นปัญหาที่มักพบในเรื่อของไดรฟ์รุ่นเก่า CD-ROM เองที่เป็นรุ่นเก่าเกินไป ในไดรฟ์ CD-ROM รุ่นเก่าปกติ จะไม่ คอมแพทิเบิลกับ Multi-Read/UDF และไม่สามารถอ่านดิสก์ UDF formated ได้ เครื่องเล่น CD audio ก็ไม่ สามารถอ่านดิสก์ UDF ได้ ถ้า CD-ROM ของคุณไม่เป็น Multi-Read-complaint คุณก็จำเป็นต้องอัปเกรดเป็นรุ่นที่ Multi-Read-complaint หรือบันทึกดิสก์ของคุณในรูปแบบของ ISO9660 ที่ใช้ไดรฟ์ CD-RW หรือ CD-R ได้รับ แจ้งข้อผิดพลาดว่า "CD-RW isnot under Direct CD control"โดยทั่วไปจะพบปัญหานี้เฉพาะใน Windows 9x/Me เมื่อคุณพยายามจะลบ ฟอร์เมต หรือคัดลอกข้อมูลไปยัง CD-RW (แต่จะไม่พบปัญหาเช่นนี้ใน Windows XP) ปัญหาชนิดนี้มักพบเมื่อใช้ไดรฟ์ Ricoh CD-RW กับซอฟต์แวร์ Roxio (Adaptec) Direct CD ปัญหานี้สามารถ เกิดได้เมื่อไดรฟ์ CD-RW ใช้เฟิร์มแวร์รุ่นเก่า (ตัวอย่างเช่น ไดรฟ์ Ricoh CD-RW ที่มีเฟิร์มแวร์ v.2.03 หรือก่อนหน้า) หรือถ้าคุณใช้ Roxio (Adaptec) DirectCD 2.0 หรือก่อนหน้า ให้ลองอัปเดตเฟิร์มแวร์ ของไดรฟ์และ ซอฟต์แวร์ที่ใช้ เขียนซีดี

สื่อ CD-RW ไม่สามารถนำมาใช้ได้เมื่อ UDF format ถูกขัดจังหวะ
ถ้าไฟดับในขณะฟอร์แมตดิสก์ CD-RW ดิสก์นี้ก็จะนำไปใช้กับแอปพลิเคชั่นใด ๆ อีกไม่ได้ และจะทำการฟอร์แมต อีกครั้ง ไม่ได้ด้วย การแก้ปัญหานี้ ให้ใช้ความสามารถ DirectCD Full Erase เพื่อลบ (wrip) ดิสก์ แล้วลองพยายามฟอร์แมตอีก ครั้ง ถ้ายังไม่ได้อีก ก็คงต้องทิ้งแผ่นนี้

ไดรฟ์ CD-RW ไม่สามารถแสดงใน My Computer หรือ Windows Explorer
เป็นผลจากไดรฟ์ถูกปลดออกจากระบบ มีได้หลายสาเหตุ ถ้าไดรฟ์ไม่แสดงใน Explorer ให้คลิก View จากเมนูแล้วคลิก Refresh อาจจะต้องรีบูตคอมพิวเตอร์ (จาก cold start) เพื่อให้ PnP BIOS จำไดรฟ์ CD-RW ได้ใหม่ ลำดับต่อมา ให้ตรวจสายของไดรฟ์ให้แน่ใจว่าสายเพาเวอร์เสียบไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ทดสอบไฟจ่ายเข้าโดยกดเปิด และปิดถาดโดย ใช้ปุ่ม Eject และให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ SCSI หรือ IDE ของไดรฟ์เสียบไว้ถูกด้านในระหว่างตัวไดรฟ์กับ คอนโทรล เลอร์ของไดรฟ์ อาจเป็นไปได้ว่าคุณได้ติดตั้ง CD-RW ไว้เป็นอุปกรณ์ "Master" IDE ตรวจให้แน่ใจว่าจั๊มเปอร์ของ ไดรฟ์กำหนด ไว้ถูกต้องแล้ว และดูว่าอุปกรณ์ตัวอื่นบนแชนเนลเดียวกันได้กำหนดจั๊มเปอร์ไว้เป็นแบบ "Slave" ถ้าใช้ไดรฟ์ SCSI CD-RW ให้ดูที่ SCSI ID ของ CD-RW ว่าไม่ซ้ำกับอุปกรณ์ตัวอื่น และต่อใน SCSI chain ไว้ถูกต้องรวมถึงส่วนปลายจบด้วยให้แน่ใจได้วาได้ใช้ไดรเวอร์ CD-RW และซอฟต์แวร์ยูทิลิตี้รุ่นใหม่ล่าสุด ถ้ายังไม่หาย ให้ลองไดรฟ์ CD-RW ตัวอื่นหรือคอนฟิกไดรฟ์นี้ใหม่หมด ให้มีเพียงตัวเดียวบนแชนเนลของคอนโทรลเลอร์

ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดเมื่อดับเบิลคลิกไอคอน CD-RW
เป็นไปได้หลายสาเหตุ โดยทั่วไปก็มีสาเหตุจากไดรฟ์ไม่สามารถอ่านดิสก์ได้ ให้ตรวจสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ไม่มีซีดีในไดรฟ์ CD-RW ให้ใส่ซีดีคุณภาพดี และลองทำการอ่านอีกครั้ง
- หลังจากใส่แผ่นซีดี อาจต้องรอสักพักไดรฟ์ CD-RW จึงจะอ่านข้อมูลของดิสก์ เมื่อไฟ LED ที่แผงหน้าหยุดกะพริบ และค้างเป็นสีเขียว ให้คลิกไอคอนของไดรฟ์ CD-RW อีกครั้ง
- เป็นไปได้ว่าซีดีอาจใส่ในไดรฟ์ไว้กลับด้าน หรือวางเยื้องศูนย์กลางไปเล็กน้อย ให้ใส่แผ่นซีดีใหม่อีกครั้ง วางให้ด้านฉลากหงายขึ้น
- คุณอาจกำลังอ่านแผ่นเปล่าของ recordable CD อยู่ ให้คัดลอกข้อมูลบางอย่างเข้าในดิสก์ และลองอ่านอีกครั้ง

ได้รับแจ้งข้อผิดพลาดว่า "invalid mewdia" เมื่อพยายามจะบูตจาก CD-RW
เกือบ ทุกแพล็ตฟอร์มในปัจจุบัน เป็นไปได้ว่าจะบูตจากไดรฟ์ CD-RW แทนฟลอบปี้ดิสก์และฮาร์ดดิสก์ ข้อผิดพลาด "invalid mewdia" จากไดรฟ์ CD-RW โดยทั่วไปหมายถึงว่าดิสก์ไม่มีไฟล์บูตสแตรปที่จำเป็นต้องการเริ่มต้นกระบวน การบูตและโหลดระบบปฏิบัติการ หรือก็เป็นที่ตัวดิสก์เองที่ไม่ได้สร้างไว้เป็นแบบบูตได้ ให้ลองใช้แผ่นที่บูตได้
การแก้ปัญหานี้ ให้นำดิสก์นี้ออกจาก CD-RW ระหว่างบูต ไบออสจะข้าม CD-RW และไปยังไดรฟ์ตัวถัดไปที่กำหนดไว้ใน Boot order

อ่านแผ่นดิสก์ไม่ได้
ระบบปฏิบัติการแจ้งว่า "secter not found" . "drive not ready" หรือข้อผิดพลาดอื่นๆ ที่เป็นเรื่องของการอ่าน (read) แผ่น ให้ตรวจที่แผ่นดิสก์ว่าใช้ถูกฟอร์แมตหรือไม่ วางแผ่นให้ถูกต้อง และเป็นแผ่นที่สะอาดอีกอย่างหนึ่งคือ ให้ตรวจสอบสายจ่ายไฟและสายสัญญาณระหว่างไดรฟ์และการ์ดคอนโทรลเลอร์ ให้แน่ใจว่าเสียบไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ถ้ายังไม่หายก็เป็นไปได้ว่าหัวอ่านแสงหรือส่วนอีเล็กทรอนิกส์ของไดรฟ์น่าจะบกพร่อง ทางออกที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนไดรฟ์ตัวใหม่

พบกับคำแจ้งข้อความผิดพลาดว่า "not ready reading from drive D: "
ถ้าไบออสจำไดรฟ์ได้อย่างถูกต้อง และแสดงเป็นรายการใน Device Manager ถูกต้องด้วย ปัญหานี้น่าจะอยู่ที่ตัวสื่อ หรือกลไกอื่น ให้แน่ในว่าใช้ดิสก์ถูกชนิดและใส่ไว้อย่างถูกต้องดีแล้วในไดรฟ์ ควรตรวจสอบกิจกรรมอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในไดรฟ์ และเสียงมอเตอร์หมุนแผ่นดิสก์ด้วย ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเลย ไดรฟ์อาจจะเสียแล้วก็ได้

Windows XP อ่านดิสก์ข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถเล่น CD audio ได้
เกือบจะทุกกรณีจากการที่ Windows XP ไม่ได้ติดตั้ง audio codecs ที่ถูกต้องสำหรับการชฃซับพอร์ต CD audio playback ให้เปิด Control Panel เลือก Sounds , Speech and Audio Devices เลือก Sounds And Audio Devices แล้วคลิกแท็บ Hardware กับ Audio Codecs ถ้าไม่มีอยู่ในรายการนี้ คุณก็จำเป็นต้องเพิ่มมันเข้า ไปด้วย Add New Hardware Wizard

Windows XP ไม่แสดงไดรฟ์ซีดี 
พบว่าใน Device Manager หรือ My Computer ไม่แสดงรายการของไดรฟ์ซีดีไว้เลย คุณยังอาจพบว่ามีรายการของ DVD/CD- ROM ใน Device Manager แต่มีเครื่องหมายคำถามกำกับอยู่ด้วย สิ่งนี้เป็นปัญหาจาก ซอฟต์แวร์ ที่มาจากการใช้ไดรเวอร์ผิด ให้เปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Properties ของรายการนั้น และเลือกแท็บ Drive แล้วคลิก Uninstall ถ้ามีมากกว่าหนึ่งรายการที่มีเครื่องหมายคำถามกำกับอยู่ ก็ให้ถอนออกไปทุกตัวที่เป็นเช่นนี้ ในตอนนี้ให้ใช้เมนู Action เลือก Scan for hardware changes ซึ่งให้ผลทำให้ Windows XP ตรวจจับฮาร์ดแวร์ใหม่อีกครั้ง และติดตั้งใหม่โดยใช้ไดรเวอร์ที่เหมาะสมให้ ถ้าไม่พบไดรเวอร์ XP สำหรับไดรฟ์ซีดีที่ใช้งาน อยู่ให้ติดต่อกับผู้ผลิต ไดรฟ์ เพื่อหาไดรเวอร์ที่เหมาะสมใหม่อีกครั้ง

ได้รับแจ้งข้อความว่า "CD-ROM can run , but results may not be as expected"
พบใน Windows 9x/Me ที่ใช้ไดรเวอร์แบบเรียลโหมด ซึ่งหมายถึงว่าไดรฟ์รันใน MS- Dos Compatibility Mode ถ้าไดรเวอร์โปรเท็กซ์โหมดพร้อมใช้งานได้อยู่ ก็จะใช้ไดรเวอร์เหล่านั้นแทน ทางออกคือคุณควรจะ ดาวน์โหลดและ ติดตั้งไดรเวอร์แบบโปรเท็กซ์โหมดจากเว็บไซต์ของผู้ผลิต

เมื่อพยายามจะเข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรี กลับพบคำแจ้งข้อความว่า "Not reading drive [ตัวอักษรระบุชื่อไดรฟ์]:"
สิ่งนี้เป็นปัญหาของการสื่อสารระหว่าง SCSI host controller และ CD-ROM ,CD-RW เป็นเหตุให้ได้ SCSI ID ไม่ตรงกับที่ไดรฟ์ต้องการ ขั้นตอนแรกให้ปิดเครื่อง และตรวจดูไดรฟ์ว่าถูกเชื่อมต่อไว้ ถูกต้องกับ SCSI host controller และต้องแน่ใจว่าใส่แผ่นซีดีในไดรฟ์ไว้ถูกด้านด้วย ถ้ายังไม่หาย ให้เปลี่ยนค่ากำหนดสวิตช์ของไดรฟ์ เพื่อเลือกหมายเลข ให้อุปกรณ์ SCSI ใหม่ รีบูตเครื่องและพยายามเข้าดูลิสต์ของไดเรกทอรีใหม่อีกครั้ง ถ้ายังมีคำแจ้งข้อผิดพลาดเดิมอีก คุณอาจต้องลองหมายเลข SCSI device ID ใหม่หลาย ๆ เลข และคุณยังอาจต้องอัปเกรด SCSI controller ด้วย อะแด็ปเตอร์แบบ PnP ที่ออกแบบมาสำหรับบัส PCI

คุณไม่สามารถเข้าถึงตัวอักษรระบุไดรฟ์ซีดีรอมใน DOS ได้เลย
บางทีไดรฟ์ยังคงทำงานได้อย่างปกติใน Windows 9x/Me/XP แต่คุณก็อาจพบคำแจ้งข้อผิดพลาดเช่น " Invalid drive specification" เมื่อพยายามจะเข้าใช้ไดรฟ์ใน DOS ค่อนข้างชัดเจนทีเดียว ในเมื่อไดรฟ์ยังทำงานได้ดี แต่เกิดปัญหากับการใช้ไดรเวอร์เรียลโหมดของซีดีรอม ก็น่าจะเป็นไปได้ว่าไม่ได้มีการโหลดไดรเวอร์ low-level หรือ MSCDEX ตรวจไฟล์ CONFIG.SYS และดูว่าส่วนไดรเวอร์ low-level ของไดรฟ์ซีดีกำหนดรายการไว้ถูกต้องหรือไม่ แล้วตรวจสอบที่ไฟล์ AUTOEXEC.BAT ในบรรทัด MSCDEX และตรวจสอบถึงสวิตซ์ของแต่ละบรรทัดคำสั่งด้วย

พบคำชี้แจ้งข้อผิดพลาดว่า cd-rom drive is not found
ปัญหาเช่นนี้อาจเกิดการโหลด ไดรเวอร์ด้วย เป็นไปได้หลายสาเหตุ ที่ไม่พบ ฮาร์ดแวร์ไดรฟ์ ปัญหา จากไฟจ่ายและสัญญาณก็เป็นไปได้ ให้แน่ใจว่าเสียบสายไฟ แบบ4พินไว้ถูกต้องและแน่นดีแล้ว ถ้าไดร์ต่อด้วยสายแยกแบบสาย Y ก็ให้เปลี่ยนไป ใช้แบบสายต่อตรงจากเพาเวอร์ซัพพลาย ใช้โวลต์มิเตอร์วัดแรงดัน+5 โวลด์ (พิน4) และ +12 โวลด์(พิน 1) ถ้าแรงดันตัวใดตัวหนึ่ง (โดยเฉพาะค่า+12โวลด์) ต่ำมากหรือไม่มี่ค่าเลย ให้เปลี่ยนเพาเวอร์ซัพพลายใหม่ ต่อมาให้ดูที่สายสัญญาณของไดรฟ์ว่า เสียบสายไว้ถูกต้อง แล้วที่ ตั้งตัวไดรฟ์และส่วนคอนโทรลเลอร์ ถ้าสายหักหรือเสียหายก็ให้เปลี่ยนสายใหม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/ Slave drive ID บนไดรฟ์ไม่ได้ขัดแย้งกับไดรฟ์อื่นที่อยู่บนแชนแนลเดียวกัน (ซึ่งเป็นสิ่งที่มักหลงลืมกัน ในการติดตั้งใหม่ หรืออัปเกรด) ถ้าซีดีรอมใช้อินเตอร์เฟรช SCSI ให้แน่ใจว่าสาย SCSI bus ต่อปลายทั้งสองไว้ถูกต้องแล้ว ถ้ายังไม่หายให้ เปลี่ยนไดรฟ์คอนโทรลเลอร์เป็นอันดับแรก ต่อมาถ้าจำเป็นก็ให้เปลี่ยนไดรฟ์ซีดีรอมใหม่ ถ้ายังไม่หายอีก ให้เปลี่ยนยี่ห้อใหม่ด้วย

พบกับคำแจ้งข้อผิดพลาดว่า "Unable to detect ATPAPI CD-ROM drive,device drive not loaded"
แสดงว่าคุณมีปัญหากับการคอนฟิกส์ฮาร์ดแวร์คอนโทรลเลอร์ไดรฟ์ IDE/EIDE/UDMA ให้ตรวจสอบสายสัญญาณ ก่อนเป็นอย่างแรก ให้แน่ใจว่าสายสัญญาณ 40 พินเสียบไว้ถูกต้องระหว่างไดรฟ์และคอนโทลเลอร์ไดรฟ์ ATAPI IDE CD-ROM โดยทั่วไปจะติดตั้งบนพอร์ต secondary 40-pin IDE ให้แน่ใจว่าไม่มีอุปสรรคใด ๆ ในระบบที่ใช้ IRQ หรือ I/O address ค่าเดียวกับพอร์ต secondary IDE ที่ใช้นี้ (แต่ก็ไม่พบัญหานี้เท่าใดในะบบ PnP ในปัจจุบัน) และให้แน่ใจว่าค่ากำหนด Master/Slave ของไดรฟ์ถูกต้องแล้ว ถ้าใช้ไดรฟ์เวอร์ในDOS ให้แน่ใจว่า สวิชต์ของคำสั่ง ในไดรฟ์เวอร์ low-level ใน CONFIG.SYS กำหนดไว้ถูกต้องแล้ว หรือลองบูตจากดิสเกตต์สตาร์ตอัปของ Window 98/ME/XP แบบให้ซัพพอร์ตไดรฟ์ซีดี

ถาดไม่เปิ
หากเป็นกรณีที่จ่ายไฟและระบบรู้จักไดรฟ์นี้แล้ว มีเพียงสองสิ่งที่จะล็อคถาดของดิสก์ไว้ได้ อย่างแรก ให้ปิดทุกแอปพลิเคชั่น ซึ่งอาจเป็นตัวการล็อคถาดอยู่ เมือปิดซอฟแวร์ใด ๆ ที่รันในฉากหลังแล้ว ให้ลองรีบูตพีซี ดูว่าถาดเปิดได้หรือยัง ถ้าไม่มี ซอฟแวร์ล็อคใด ๆ ล็อคถาดอยู่เลย แผ่นซีดีก็อาจติดคาอยู่ก็ได้ ในกรณีให้ปิดเครื่องพีซี และใช้ลวดแยงเข้าไปในรูฉุกเฉิน เพื่อ ให้ถาดเปิดออก แล้วหยิบแผ่นออกไป

พบว่าไฟ LED ของซีดีรอมติดอยู่ตลอดเวลา
สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาเสมอไป ไดรฟ์ซีดีรอมบางรุ่นใช้ไฟLED เป็นตัวบอกว่าพร้อมทำงานแล้ว แทนที่จะเป็นตัวบอกว่า กำลัง ทำงานอยู่ เมื่อมีแผ่นซีดีโหลดเข้าไปในไดรฟ์ ไฟ LED จะติดและคงติดอยู่อย่างนั้น แม้ว่าจะยังไม่มีการเข้าใช้แผ่นเลย บางรุ่นก็อาจจะแสดงไฟ LED ติดแต่จะกระพริบเมื่อมีเข้าใช้แผ่น หรือบางรุ่นก็จะมีจั๊มเปอร์ฝให้เลือกวิธีแสดงไฟ LED จาก Ready Mode เป็น Busy Mode อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ใช้เรื่องจำเป็นนักที่ต้องมาเปลี่ยนพฤติกรรมของไดรฟ์หนึ่งๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

63. รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่เกิดจาก Mouse & Keyboard

รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่เกิดจาก Mouse & Keyboard

 
รวมปัญหาและวิธีแก้ไขที่เกิดจาก Mouse & Keyboard 
Mouse
ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : สายเมาส์เสียบไม่แน่นหนาในช่องเสียบที่ถูกต้อง ซึ่งอยู่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์
การแก้ปัญหา : ตรวจสอบและเสียบสายเมาส์ให้แน่น

ปัญหา : เมาส์ไม่ตอบสนองต่อการเคลื่อนไหว
สาเหตุ : ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ หรือ ติดตั้งไดรเวอร์ที่ไม่ถูกต้อง
การแก้ปัญหา : ตรวจดูให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งไดรเวอร์ของเมาส์ที่ถูกต้อง จากเดสก์ทอปของวินโดวส์ให้คลิกที่ปุ่ม Start จากนั้น ชี้ไปที่ Settings แล้วคลิกที่ Control Panel เมื่อเห็นหน้าต่าง Control Panel ให้ดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Mouse แล้วคลิกที่แท็บ General

ปัญหาเกี่ยวกับคีย์บอร์ด
โดยปกติแล้วคีย์บอร์ดจะเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาใช้งานมากนัก แต่ถ้าใช้งานไปเป็นเวลานานก็อาจจะเกิดเป็นปัญหาขึ้นได้เหมือนกัน เช่น
ปุ่มคีย์บอรด์แข็ง กดแป้นพิมพ์ไม่ค่อยได้ บางทีกดปุ่มใช้งานคีย์บอร์ดไม่ได้เลยทั้งที่ซื้อมาใหม่
ปัญหาเหล่านี้ บางคนก็แก้ด้วยวิธีการซื้อมาเปลี่ยนใหม่เพราะราคาถูกทั้ง ๆ ที่เป็นปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายนิดเดียว ซึ่งมักเกิดกับคีย์บอร์ดมีดังนี้
-คีย์บอรด์แข็ง บางปุ่มกดไม่ลง
คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่เราต้องทำงานด้วยมากที่สุดพอกับใช้เม้าส์ โดยเมื่อใช้ไปนาน ๆ เข้าก็จะมีฝุ่นผงคราบสกปรกเข้าไปเกาะติดอยู่
พอสะสมมากเข้าจะเป็นเหตุให้ปุ่มบนคีย์บอร์ดแข็ง กดไม่ค่อยลงเกิดปัญหาเวลาใช้งานคีย์บอร์ด เช่น พิมพ์งานเอกสารหรือโปรแกรมสเปรดชีตต่าง ๆ
สำหรับวิธีแก้ไขคือ ให้ใช้แปรงปัดฝุ่นและคราบสกปรกตามซอกปุ่มต่าง ๆ บนตัวคีย์บอร์ด แต่ถ้าปุ่มแข็งมากให้ใช้วิธีถอดปุ่มมาทำความสะอาด
ดังนี้
1. ให้ใช้แปรงขนอ่อนขนาด 1 นิ้ว มาปัดฝุ่นตามซอกปุ่ม จนเห็นว่าสะอาดดีแล้ว ให้ลองกดปุ่มดุด้วยว่ากดได้งายขึ้นหรือไม่
2. หากยังไม่หาย มีปุ่มกดบางปุ่มยังแข็งอยู่กดปุ่มไม่ค่อยได้ ก็ให้ใช้ไขควงปากแบนค่อย ๆ งัดปุ่มออกม่ทีละปุ่ม เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น
และใช้แปรงขนอ่อนปัดฝุ่นผงที่เกาะติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ จนหมด หลังจากนั้นให้ใส่ปุ่มกลับเข้าที่เดิม ( แกะและทำความสะอาดทีละปุ่มจะได้ไม่งงเวลาที่ใส่กลับที่เดิม )
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "
เมื่อเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์มาทำงาน บางครั้งจะพบกับข้อความหน้าจอไบออสแจ้งว่า " KEYBOARD ERROR NO KEYBOARD PRESENT "หมายถึง ตรวจไม่พบคีย์?บอร์โที่ติดตั้งอยู่ สาเหตุอาจเป็นเพราะคีย์บอร์ดและเม้าส์ มีลักษณะเป็นขั้วต่อแบบ PS/2 เหมือนกัน ดังนั้นจึงอาจเสียบผิดก็ได้
การแก้ไขให้ตรวจสอบการเสียบบอร์ดที่ท้ายเคสว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งขั้วต่อคีย์บอร์ดจะมีสีม่วง ส่วนขั้วต่อของเม้าส์จะมีสีเขียว ให้ถอดออกมาเสียบให้ถูกต้อง
หากยังมีข้อความดังกล่าวปรากฏอยู่อีกแสดงว่าคีย์บอรด์เสีย ให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ในราคาตัวละ 150-300 บาท
-เครื่องแจ้งว่า " KEYBOARD CONTROLLER FAILURE "
อาการดังกล่าวอาจมีสาเหตุมาจากคีย์บอร์ดเสีย ให้ลองหาคีย์บอร์ดอื่นมาลองติดตั้งใช้งานแทน หากพบว่าคีย์บอร์ดเสียจริงให้หาซื้อมาเปลี่ยนใหม่ ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งมักเกิด
จากชิปคอนโทรลคีย์บอร์ดที่อยู่บนเมนบอร์ดเสีย หรือลายวงจรควบคุมคีย์บอร์ดแตกหรือหลุดเนื่องจากการถอดเข้า-ออกขั้วต่อคีย์บอร์ดบ่อยเกินไป
เมื่อคีย์บอร์ดใช้งานม่ได้ ผู้ใช้หลายคนจำเป็นต้องให้ช่างหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการซ่อมเมนบอร์ดค่อนข้างยากจะร้านรับซ่อมไม่ค่อยได้
แต่ถ้าเป็นร้านที่มีความชำนาญในการรับซ่อมเมนบอร์ดโดยเฉพาะก็อาจจะซ่อมได้

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเมาส์
-เลื่อนเมาส์ไม่ค่อยได้
ปัญหายอดฮิตของการใช้เมาส์ แต่เนื่องจากเมาส์มีราคาถูกเพียงตัวละ 80-200 บาทเท่านั้น ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่ใส่ใจต่อปัญหานี้และคิดในใจว่าเป็นเพราะเมาส์ราคาถูกจึงเสียง่าย ความจริงแล้วเมาส์ไม่ได้เสียง่ายขนาดนั้นแต่เป็นเพราะเมาส์มีส่วนที่ต้องเคลื่อนไหวมาก โดยการเลื่อนลูกบอลยางไปกับพื้นหรือแผ่นรองเมาส์ จึงมักดูดเอาฝุ่นผงสกปรกต่าง ๆ เข้ากับติดอยู่กับแกนหมุน ทำให้แกนหมุนไม่ทำงานจึงไม่สามารถที่จะตรวจจับตำแหน่งที่เมาส์เคลื่อนที่ไปได้
สำหรับวิธีการแก้ไขก็คือ ให้ถอดเมาส์ออกมาทำความสะอาดเอาฝุ่นผงออกไปจากลูกบอลยางและแกนหมุนเท่านั้นเมาส์ก็จะใช้ได้ต่อไป โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาครอบลูกบอลออก โดยหมุนบิดไปตามทิศทางของลูกศรที่แสดงบนฝาครอบ ใช้นำยาสเปรย์ฉีดทำความสะอาดลูกบอลและเช็ดให้แห้ง
2. ใช้นำยาสเปรย์ฉีดล้อหมุนแกนหมุนแนวตั้งและแกนหมุนแนวนอน และใช้ไม้สำลีเช็ดจนไม่มีฝุ่นผงติดอยู่ที่แกนหมุนทั้งสาม
3. เมื่อเห็นว่าแกนหมุนทั้งหมดสะอาดดีแล้ว ให้ใส่ลูกบอลพร้อมปิดฝาครอบกลับเข้าที่เดิม ซึ่งเมาส์ก็จะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
- คลิกเมาส์ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง
ภายในเมาส์จะมีสวิทช์ชนิดหนึ่งมีขนาดเล็กซึ่งเรียกว่า ไมโครสวิทช์สำหรับรับคำสั่งจากการคลิกเมาส์ เมื่อใช้เมาส์ไปนาน ๆ ก็จะมีเศษฝุ่นเข้าไปเกาะติดหน้าสัมผัสของวงจรภายในไมโครสวิทช์ ทำให้เกิดอาการคลิกเมาส์ไม่ค่อยได้จึงมีวิธีการแก้ไขดังนี้คือ
1. หงายท้องเมาส์ พร้อมกับใช้ไขควงคลายน็อตที่ยึดเมาส์ออกให้หมด
2. เปิดฝาครอบตัวเมาส์ออกมาแล้วจึงใช้นำยาสเปรย์ฉีดพ่นทำความสะอาดไมโครสวิทช์หลาย ๆ ครั้ง เพื่อให้นำยาสเปรย์ ได้แทรกเข้าไปละลายสิ่งสกปรกบนหน้าสัมผัสภายในสวิทช์ จนกว่าจะกดสวิทช์ได้อย่างสะดวก ซึ่งคงทำให้อาการดังกล่าวหายได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

62. รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk)

รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk)

 
รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก ฟลอปปี้ดิสก์ (Floppy Disk) 
• ติดตั้งไดร์ฟ A แล้วแต่ใช้งานไม่ได้
ส่วนใหญ่เกิดจากการติดตั้งสายแพไม่แน่น ลืมเสียบสายจ่ายไฟแม้กระทั่งลืมติดตั้ง ฟล็อปปี้ดิสก์ไดร์ฟ A ในไบออสที่ได้ปิด การใช้งานไปแล้ว

• ไฟของไดร์ฟ A ติดอยู่ตลอดเวลา
มักเกิดจากการติดตั้งฟล็อปปี้ดิสก์ใหม่ลงเครื่อง ซึ่งเกิดจากการติดตั้งสายแพสลับด้าน โดยอาจสลับที่ท้าย ไดร์ฟหรือบน เมนบอร์ด เนื่องจาก ขั้วต่อสายแพที่ท้ายไดร์ฟไม่มีการล็อคกันสลับด้านไว้อย่างแน่ชัดจึงทำให้มักเสียบสาย ผิดอยู่บ่อยๆ

• ไดร์ฟ A อ่านแผ่นไม่ค่อยได้
มักพบว่าแผ่นดิสก์ที่ใส่เข้าไปในไดร์ฟ A บางทีก็อ่านได้ บางทีก็อ่านไม่ได้ หรือบางแผ่นอ่านได้ แต่บางแผ่นอ่านไม่ได้ ปัญหา นี้ เกิดจาก หัวอ่านไดร์ฟ A สกปรกจากการใช้งาน

• ไดร์ฟ A ไม่อ่านแผ่นบู๊ตระบบ
มักพบเมื่อต้องการติดตั้งระบบปฏิบัติการใหม่ลงเครื่อง เนื่องจากระบบเดิมมีปัญหา และต้องการบู๊ตเครื่อง ด้วยแผ่นดิสก์ จากไดร์ฟ A แต่เมื่อใส่แผ่นดิสก์เข้าไป เครื่องกลับไม่ยอมอ่านแผ่นดิสก์ จึงไม่สามารถติดตั้งระบบใหม่ได้ สาเหตุมาจาก เวลาติดตั้ง ระบบ ช่างมักชอบกำหนดลำดับการบู๊ตเครื่องในไบออสให้อ่านจากฮาร์ดดิสก์ก่อนเพื่อให้เครื่องบู๊ตได้เร็วขึ้น เมื่อเราใส่แผ่นดิสก์เข้าไป เพื่อบู๊ตระบบเครื่องจึงไม่อ่านแผ่นดิสก์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

61. รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Sound Card

รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Sound Card

 
รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Sound Card
ปัญหา Windows กับเครื่องที่มีการ์ดเสียง แต่กลับไม่มีเสียง
- -> สาเหตุ
หลังการติดตั้ง Windows ลงเครื่องและได้ติดตั้งไดรเวอร์การ์ดเสียงแล้วตามปกติเครื่องจะต้อง
มีเสียงดัง แต่ในบางครั้งอาจมีการกำหนดไม่ให้แสดงเสียงไว้หริอมีคนไปเปลี่ยนแปลงการปรับแต่ง
เกี่ยวกับเสียงจึงทำให้ไม่มีเสียง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
1.สำหรับ Windows XP เปิดเครื่อง Control Panel เลือก Switch to Classic View
แล้วดับเบิ้ลคลิกที่ไอคอน Sound and Audio Drvices
2.ที่แท็ป Volume ให้คลิกปุ่ม Advaced
3.ที่หัวข้อ Volume Control ให้สังเกตดูว่ามีเครื่องหมายถูกเลือกในกรอบหน้าช่อง Mute all เพื่อไม่ให้มีเสียงหรือไม่ ให้คลิกเอาเครื่องหมายถูกออก เพื่อให้แสดงเสียงได้เมื่อกลับมาที่หน้าต่างเดิม
ให้คลิกปุ่ม OK

ปัญหา Sound Card ไม่มีเสียงออก
- -> สาเหตุที่ 1 ไม่ได้ติดตั้งไดรเวอร์ (Driver) ของ Sound Card
- -> วิธีการแก้ปัญหา ให้นำแผ่นไดรเวอร์ที่แถมมาพร้อมกับ Sound Card มาติดตั้ง
- -> สาเหตุที่ 2 ไดรเวอร์ Sound Card ที่ติดตั้งไม่สมบูรณ์หรือผิด
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ปกติเมื่อเราติดตั้งอุปกรณ์ให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้าอุปกรณ์สนับสนุนระบบ Plug and Play เครื่อง
จะพบอุปกรณ์โดยอัตโนมัติทันทีหลังจากเปิดเครื่องครั้งต่อไป และถ้าในระบบปฎิบัติการไม่มีไดรเวอร์
ที่เหมาะสมสำหรับอุปกรณ์ตัวนั้น เครื่องจะถามหาแผ่นไดรเวอร์ ถ้าไม่มีแผ่นไดรเวอร์ สุดท้ายไฟล์ไดรเวอร์ไม่ครบเครื่องก็จะสรุปว่าเป็น Unknown Device ซึ่งวิธีแก้คือ ให้เราหาไดร์เวอร์มาติดตั้ง
- -> สาเหตุที่ 3 ไดร์เวอร์ที่เราติดตั้งไม่ตรงรุ่นหรือยี่ห้อของ Sound Card
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เป็นไปได้ที่บางครั้งเครื่องจะลงไดร์เวอร์ให้อัตโนมัติผิดรุ่น หรือเราลงผิดเอง ซึ่งอาจจะลงได้สำเร็จ
แต่ซาวน์การ์ดไม่ทำงาน อาการนี้เราแก้ได้โดยลงไดร์เวอร์ใหม่ให้ตรงกับรุ่นของ Sound Card
- -> สาเหตุที่ 4 เกิดความคอนฟิคท์ (Conflict) หรือขัดแย้งกับอุปกรณ์ตัวอื่น
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เราสามารถตรวจสอบได้ว่าเกิดการขัดแย้งกับอุกรณ์ตัวอื่น โดยเข้าไปที่ Device Manager สังเกตดูที่ Sound Card จะมีเครื่องหมายอัศเจรีย์ ให้ดับเบิ้ลคลิก จะเข้าสู่ Properties ของ Sound Card ให้ดูว่ามีการขัดแย้งกันที่ใด แล้วเข้าไปเซ็ทค่าใหม่ไม่ให้ซ้ำกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ
- -> สาเหตุที่ 5 ที่ Volume Control ถูก Mute ไว้
- -> วิธีการแก้ปัญหา
บางทีการที่เสียงไม่ดังเป็นเพราะว่า เราไม่ได้เข้าไปปรับทางด้านซอฟต์แวร์ ไม่ได้เป็นฮาร์ดแวร์เลย เช่น ที่ Volume Control (เฉพาะในระบบปฎิบัติการ Windows) เพื่อตั้งค่าความดังของเสียงในระบบ วิธีเข้าโดยคลิกที่ Start > Programes>Accessories >Entertainment >Volume Control เพื่อติดตั้งความดังของเสียง หรือบางครั้งจะมีรูปลำโพงสีเหลืองอยู่ที่ Taskbar สามารถดับเบิ้ลคลิก
เพื่อเปิด Volume Control ได้อย่างรวดเร็ว หากหา volume Control ไม่พบอาจเป็นเพราะไม่ได้
ติดตั้งส่วนประกอบนี้ไว้ก็ได้ ให้ลองไปตรวจสอบโดยคลิกที่ Start > Setting > Control Panel
> Add / RemoveProgrames > Windows Setup ในหมวดของ Multimedia จะมี Volume Control อยู่ ใส่เครื่องหมายถูกเพื่อเพิ่มส่วนประกอบนี้เข้าไป
- -> สาเหตุที่ 6 Sound Card หลวม
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เป็นไปได้ที่ Sound Card ที่เสียบอยู่ในสล็อตอาจหลวม ให้เราปิดเครื่องแล้วเปิดฝาเครื่องขยับ
Sound Card ให้แน่นแล้วลองเปิดเครื่องใหม่ครับ
- -> สาเหตุที่ 7 ต่อสายผิดช่อง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ปกติที่ Sound Card นั้นจะมีช่องเสียบอย่างน้อย 3 ช่อง คือ Line-out Speaker out, Mic in และ Line in ซึ่งลักษณะ Jack เป็นลักษณะเดียวกันสามารถเสียบด้วยกันได้ ซึ่งถ้าเราเสียบผิดทำให้ไม่มี
เสียงออก ให้เสียบลำโพงที่ช่องสีเขียว
- -> สาเหตุที่ 8 ไม่ได้เสียบปลั๊กไฟของลำโพงหรือไม่ได้เปิดสวิทซ์ลำโพง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ลองตรวจสอบไฟแสดงการทำงานที่ลำโพงว่าไฟเข้าลำโพงหรือเปล่า ถ้าไม่มีไฟเข้า อาจเป็นเพราะ
ไม่ได้เสียบปลั๊กลำโพง หรือไม่ได้เปิดสวิทซ์ลำโพงก็เป็นได้ ลองตรวจสอบดู
- -> สาเหตุที่ 9 ลืมเร่ง Volume ที่โปรแกรม
ถ้าเราเร่งเสียง Volume ของลำโพงแล้วแต่เสียงยังไม่ดังอาจเป็นเพราะว่าไม่ได้เร่งเสียงที่Volume
Control ว่าเราได้เร่งเสียงเท่าไร ลองเร่งเสียงทั้งทที่ช่องMaster Volume (ด้านซ้ายสุด)และช่องเสียง
ที่เราใช้อยู่ หรืออาจลองเร่งเสียงดูทุกช่องเลยก็ได้
- -> สาเหตุที่ 10 ระบบปฎิบัติการไม่รองรับ
ปัญหานี้มักจะเกิดขึ้นกับ Sound Card รุ่นเก่า ที่ไม่มีไดรเวอร์สำหรับระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ๆ
ให้ลองค้นหาไดรเวอร์จากอินเตอร์เน็ตหรือดาวน์โหลดไดรเวอร์จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต
- -> สาเหตุที่ 11 Sound Card เสีย
ถ้าทำทุกวิธีแล้วเป็นไปได้ที่ Sound Card อาจเสียให้ลองเอา Sound Card ไปลองใส่ในเครื่องอื่นดู ถ้ายังใช้ไม่ได้เหมือนกันแสดงว่าเสีย

ปัญหา Sound Card เสียงเบา
- -> สาเหตุที่ 1 ไม่ได้ปรับปุ่มปรับเสียงที่ Sound Card ด้านหลังเครื่อง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
Sound Card ที่มีวงจรขยายสัญญาณเสียงในตัวจะมีปุ่มปรับเสียงอยู่บนตัว Sound Card ด้วย เพื่อ
ตั้งระดบสัญญาณเวียงให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่ต่ออยู่ ให้เราปรับให้ดังจขึ้นตามความเหมาะสม
- -> สาเหตุที่ 2 ลำโพงที่ใช้ไม่มีวงจรขยายเสียงในตัว
- -> วิธีการแก้ปัญหา
เมื่อเราซื้อ Sound Card จะต้องมีการตรวจสอบดูว่า Sound Card ที่กำลังจะซ้อนั้นมีแอมป์ในตัว
หรือเปล่าและมีกำลัง Watts เท่าไร เพื่อที่จะสามารถซื้ลำโพงได้ถูก เช่น Sound Card บางตัวนั้นไม่มีวงจรขยายสัญญาณเสียงในตัวจึงไมมีกำลังขับ เราจึงต้องหาลำโพงที่มีวงจรขยายเสียง
ในตัว เราสามารถซ้อลำโพงได้ทั้งแบบมีแอมป์และไม่มีแอป์ในตัวมาใส่ได้
- -> สาเหตุที่ 3 ไม่ได้ปรับ Balance ให้อยู่ตรงกลาง
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ที Volume Controlจะมีปุ่มปรับ Balanceให้เลือกว่าจะดังที่ลำโพงข้างซ้ายหรือข้างขวามากกว่ากัน
ถ้าเราเลื่อนไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวาสุด ลำโพงจะดังเพียงข้างเดียว ให้ปรับปุ่ม Balance มาที่ตรงกลาง

ปัญหา Sound Card เสียงแตก
- -> สาเหตุที่ 1 แจ๊คเสียบไม่สะอาด
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ในกรณีไม่สะอาดเป็นเพราะหน้าสัมผัสทำปฎิกิริยากับอากาสเกิดอ๊อกไซด์ (สนิม) วิธีแก้ให้ทำ
ความสะอาดแจ๊คลำโพง
- -> สาเหตุที่ 2 แจ๊คเสียบหลวม
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้ขยับแจ๊คของลำโพงให้แน่น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

60. รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Display Card

รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Display Card

 
รวมปัญหาและการแก้ปัญหาที่เกิดจาก Display Card
ปัญหา เคลื่อนย้ายเครื่องแล้วเปิดเครื่องได้ยินเสียงทำงาน แต่หน้าจอไม่มีภาพ
- -> สาเหตุ
การ์ดจอแบบ AGP จะมีสล็อตสำหรับใส่ที่พอดีหรือตึงมากเราติดตั้งการ์ดเข้ากับสล็อตจะต้องดันให้สุด
และขันน็อตเข้ากับตัวเคส ซึ่งในช่วงนี้
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ให้เปิดฝาเครื่องออกมาตรวจดูหากพบว่าตัวการ์ดหลวมหลุดให้ดันการ์ดกลับเข้าไปในสล็อตให้แน่น
เหมือนเดิม โดยไม่ต้องคลายน็อต (เพราะจะกระดกหลุดออกมาอีก) หากพบว่าลายวงจรที่ขาการ์ดสกปรกให้ถอด
ออกมา แล้วใช้ยางลบดินสอทำความสะอาดแล้งจึงใส่กลับเข้าไปใหม่ ก็คงจะใช้การได้เหมือนเดิม

ปัญหา เล่นเกมบางทีภาพกระตุก แฮงค์ค้าง
- -> สาเหตุ
ปัญหานี้เกิดได้หลายสาเหตุเช่น อาจเป็นเพราะการ์ดจอที่ใช้อยู่มีประสิทธิภาพไม่ดีพอ ไม่สามารถ
เล่นเกมที่ใช้กำลังเครื่องมากได้ บางครั้งอาจเกิดจากพัดลมระบายความร้อนบนชิปกราฟิคสกปรกทำให้
หมุนช้าลง หรือไม่หมุนเลย ส่วนสาเหตุที่แย่ที่สุดคือ ชิปกราฟิคมีปัญหาหรือเสียซึ่งคงต้องเปลี่ยนการ์ดจอ
ใหม่เลย
- -> วิธีการแก้ปัญหา
1.เปิดฝาเครื่องออกและลองเปิดเครื่องตรวจดูว่าพัดลมระบายความร้อนของชิปกราฟิคหมุนหรือไม่ หากไม่หมุนต้องดูว่าพัดลมสกปรกมีคราบฝุ่นละอองเกาะติดอยู่หรือไม่ ให้ใช้ยาสเปรย์ฉีดพร้อมกับใช้
ไม้สำลีเช็ดให้สะอาด
2.หากพบว่าพัดลมระบายความร้อนชิปกราฟิคเสีย ให้ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ หลังจากเปลี่ยนพัดลมตัวใหม่
ก็คงเล่นเกมได้มันสะใจขึ้น

ปัญหา การ์ดจอ Onpoard เสีย
ปัญหานี้จะแสดงอาการออกมาในลักษณะเปิดเครื่องได้เห็นไฟเข้าเครื่องทำงานปกติแต่หน้าจอจะไม่มี
ภาพอะไรเลย ผู้ใช้หลายคนนึกว่าเมนบอร์ดเสีย จึงไปหาซื้อเมนบอร์ดมาเปลี่ยนใหม่ทำให้เสียเงินไปโดย
ใช่เหตุ
- -> สาเหตุ
ปัญหานี้สาเหตุเป็นเพราะระบบแสดงผลของชิปเซ็ตบนเมนบอร์ดเสีย ทำให้ไม่มีภาพปรากฎบนหน้าจอ
- -> วิธีการแก้ปัญหา
ในการแก้ไขปัญหาก็ให้ทำการจัมเปอร์บนเมนบอร์ดเป็น Disable หรือกำหนดค่าในไบออสให้เป็น
Disable ขึ้นอยู่กับรุ่นของเมนบอร์ด แล้วนำการ์ดจอมาติดตั้งลงในสล็อต AGP แทน หากเป็นรุ่นไม่มี
สล็อต AGP ก็คงต้องหาซื้อการ์ด PCI มาติดตั้งแทน
เมนบอร์ดบางรุ่นอาจจะพบและทำงานกับการ์ดจอที่ติดตั้งเข้าไปโดยไม่ต้อง Disable ในจัมเปอร์
หรือไบออสแต่อย่างใด สำหรับขั้นตอนการยกเลิกใช้งานการ์ดจอ Onboard โดยการกำหนดจัมเปอร์
มีขั้นตอนดังนี้
1. เปิดฝาเครื่องออกให้สังเกตจัมเปอร์บนเมนบอร์ดที่มีตัวอักษรกำกับว่า VGA หรือให้ดูจากคู่มือ
เมนบอร์ด
2. เมื่อพบแล้วให้เปลี่ยนจัมเปอร์ ซึ่งอาจเป็นการถอดออกหรือเปลี่ยนขา จากขา 1,2 เป็น 2,3
อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้
3. ให้ติดตั้งการ์ดจอใหม่ลงเครื่อง ปิดฝาและเปิดเครื่อง หลังจากนั้นให้ลงไดรเวอร์ให้เรียบร้อย
ก็ใช้งานได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก น้องหญิง มากครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

59. ไม่ปรากฎไอคอน Recycle Bin บนเดสก์ท็อปจะทำอย่างไร

ไม่ปรากฎไอคอน Recycle Bin บนเดสก์ท็อปจะทำอย่างไร

 
ไม่ปรากฎไอคอน Recycle Bin บนเดสก์ท็อปจะทำอย่างไร
ในกรณีที่ต้องการนำไฟล์ขยะที่ลบทิ้งกลับมาใช้ใหม่ แต่หาไอคอน Recycle Bin ไม่เจอเราสามารถเข้าไปค้นหาไอคอน Recycle Bin ได้ดังนี้
1. คลิกเมาส์ขวาพื้นที่ว่างบน Desktop เลือกคำสั่ง Properties
2. คลิกแท็บ Effects จากนั้นคลิกปุ่ม Default Icon คลิกปุ่ม OK
3. ไอคอน Recycle Bin จะปรากฎขึ้นมาาให้เราค้นหาไฟล์ขยะมาใช้งานได้ตามต้องการ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

58. เมื่อได้รับข้อผิดพลาด Out of Memory

เมื่อได้รับข้อผิดพลาด Out of Memory

 
เมื่อได้รับข้อผิดพลาด Out of Memory
ถ้าคุณเปิดเอกสารหรือเรียกใช้โปรแกรมมากเกินไปในเวลาเดียวกัน คุณอาจมีหน่วยความจำว่างไม่เพียวพอที่จะเรียกใช้โปรแกรมอื่น ผลที่ตามมาคุณจะไม่สามารถเปิดโปรแกรมอื่นขึ้นมาใช้งานได้อีก และโปรแกรมที่เปิดอยู่อาจแฮงค์ วิธีการแก้ไขเมื่อพบกับคำว่า Out of Memory มีดังนี้
- ปิดเอกสารฉบับที่ไม่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
- ออกจากโปแกรมทุกโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้ในปัจจุบัน
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

57. เพิ่มฮาร์ดดิสเข้าไปเป็นสองตัวแล้วเครื่องบูตไม่ขึ้นแก้ไง

เพิ่มฮาร์ดดิสเข้าไปเป็นสองตัวแล้วเครื่องบูตไม่ขึ้นแก้ไง

 
เพิ่มฮาร์ดดิสเข้าไปเป็นสองตัวแล้วเครื่องบูตไม่ขึ้นแก้ไง
สาเหตุที่ 1 ไม่ได้เซ็ตจัมเปอร์ (Jumper) ให้เป็นสเลฟ (Slave)
วิธีแก้ สายต่อไอดีอี (IDE) หนึ่งเส้นจะสามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ 2 ตัว โดยเราจะต้องให้ตัวหนึ่งเป็นมาสเตอร์ (Master) และให้อีกตัวหนึ่งเป็นสเลฟ (Slave) ปกติใน
เครื่องของเรามีฮาร์ดดิสก์อยู่แล้วหนึ่งตัว โดยทั่วไปจะเซ็ทค่าเป็นมาสเตอร์ ดังนั้นถ้าเรานำฮาร์ดดิสก์ตัวที่สองเข้ามาเสียบเพิ่มในสายไอดีอีเส้นเดียว เราจะต้องตั้งฮาร์ดดิสก์ ตัวที่สองให้เป็นสเลฟเพื่อไม่ให้ซ้ำกับตัวแรก

สาเหตุที่ 2 ไม่ได้เซ็ทค่าชนิดของฮาร์ดดิสก์ในไบออสให้ถูกต้อง
วิธีแก้ ไบออสที่ถูกตั้งค่าชนิดของฮาร์ดดิสก์ที่ต่อกับสายไอดีอี (IDE) ไว้ตั้งแต่ครั้งแรกแบบถาวร เมื่อมีการเพิ่มฮาร์ดดิสก์เข้าไปเครื่องจะไม่รู้จัก ถ้าเราไม่ได้ตั้งค่าไว้ที่ ออโต้ (Auto) วิธีแก้ ให้เข้าเซ็ทค่าของไบออสใหม่ให้ถูกต้องหรือเลือก Auto Detect Harddisk ให้ค้นหาเครื่องอัตโนมัติ

สาเหตุที่ 3 ต่อสายต่าง ๆ ไม่เรียบร้อย
วิธีแก้ ให้ลองตรวจเช็คว่าต่อสายบัสที่เมนบอร์ดและตัวฮาร์ดดิสก์ถูกต้องและแน่นดีหรือไม่ สายไฟเลี้ยงได้ต่อเข้าแล้วหรือยัง
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

56. เพิ่มฮาร์ดดิสก์เข้าไปแล้วเครื่องเห็นฮาร์ดดิสก์ไม่ครบเป็นเพราะอะไร

 เพิ่มฮาร์ดดิสก์เข้าไปแล้วเครื่องเห็นฮาร์ดดิสก์ไม่ครบเป็นเพราะอะไร

 
เพิ่มฮาร์ดดิสก์เข้าไปแล้วเครื่องเห็นฮาร์ดดิสก์ไม่ครบเป็นเพราะอะไร
สาเหตุที่ 1 ไบออสไม่รู้จักฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่
วิธีแก้ ปัญหานี้เกิดกับเมนบอร์ดรุ่นเก่าที่ใช้กับฮาร์ดดิสก์รุ่นใหม่ ซึ่งเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆ จะไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ได้ หรือถ้าเห็นได้ก็จะเห็นได้ไม่ครบตามขนาดที่แท้จริง ปัญหานี้แก้ได้ด้วยการไปดาวโหลด Flash BIOS มาอัพเกรดเพื่อให้ BIOS มองเห็นฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ได้

สาเหตุที่ 2 ข้อมูลในพาร์ทิชั่นเป็นชนิดที่ระบบปฏิบัติการนั้นไม่รู้จัก
วิธีแก้ ภายในฮาร์ดดิสก์สามารถที่จะฟอร์เมตไดร์ฟได้หลายแบบ เช่น NTFS, Linux Native,Linux SWAP ซึ่งสามารถเรียกใช้ได้จากบางระบบปฏิบัติการเท่านั้น เช่น Linux Native และ Linux SWAP สามารถเรียกได้จากระบบปฏิบัติการ Linux หรือระบบ NTFS สามารถเรียกได้จากระบบปฏิบัติการ Windows รุ่นใหม่ ๆ และไม่สามารถเรียกใช้ได้ จาก Windows 95 หรือ Windows 98 ดังนั้นถ้าหากว่าฮาร์ดดิสก์ที่เราเพิ่มเข้ามาในเครื่อง มีการฟอร์แมตเป็นแบบที่ไม่สามารถใช้ร่วมกับระบบปฏิบัติการได้ ก็จะทำให้ระบบปฏิบัติการไม่สามารถมองเห็นข้อมูลในไดร์ฟนั้นได้ ทางแก้เราต้อง Copy ข้อมูลที่เราต้องการไว้ที่อีกพาร์ทิชั่นที่ใช้ได้หรือลบพาร์ติชั่นทิ้งแล้วสร้างใหม่

สาเหตุที่ 3 Harddisk Controller บนเมนบอร์ดเสีย
วิธีแก้ ส่งเมนบอร์ดซ่อม หรือได้เวลาเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่แล้วครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

55. เผลอใช้คำสั่ง Empty Recycle Bin ทำอย่างไรจะกู้ไฟล์คืนมาได้

เผลอใช้คำสั่ง Empty Recycle Bin ทำอย่างไรจะกู้ไฟล์คืนมาได้

 
เผลอใช้คำสั่ง Empty Recycle Bin ทำอย่างไรจะกู้ไฟล์คืนมาได้ 
พอดีผมเผลอไปลบไฟล์ภายในเครื่องเข้า แล้วลืมไปใช้คำสั่ง ๆ Empty Recycle Bin ทำให้ไฟล์ใน ถังขยะหายไปหมด จะมีวิธีใดบ้างที่ผมจะสามารถกู้ไฟล์นั้นคืนมา เพราะเคยทราบว่ามีวีธีการทำได้แม้ลบจาก Recycle Bin แล้วก็ตาม
บ้างครั้งเราอาจลืมลบไฟล์สำคัญ ๆ ไป แต่ด้วยความที่คิดว่ามันยังอยู่ในถึงขยะจึงยังไม่ทำการกู้ข้อมูลคืนมา เวลาผ่านไปเนิ่นนามดันลืมก็เลยไปเผลอใช้คำสั่ง Empty Recycle Bin คราวนี้หลาย ๆ คนไมเกรนคงถามหาเป็นแน่ ฉะนั้นหากว่าจะลบไฟล์อะไรอย่าลืมคิดสักนิด ดูให้ดีก่อนว่าจะยังคงใช้ไฟล์นั้นหรือไม่ เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วจึงลบไฟล์นั้นทิ้งไป
จากปัญหาในข้อนี้ทางแก้ไขของปัญหานั้น ก็ให้ลองหาโปรแกรมที่ชื่อ Lost and Found หรือ recover4all มาใช้ดู (หาได้จากเว็บไซต์; Download.com) แต่จะกู้ได้ 100% หรือเปล่านั้นผมไม่รับรองนะครับ แต่ผลการทดลองใช้งานดูก็พบว่ามันสามารถทำการกู้ข้อมูลกลับมาได้พอสมควร แต่กระนั้นโปรแกรมนี้จะใช้ได้ผลก็ต่อเมื่อไฟล์นั้น ๆ เพิ่งถูกลบทิ้งไป แต่ถ้าลบทิ้งไป นานแล้วอาจจะไม่ได้คืนมาทั้งหมดหรืออาจไม่สามารถกู้ข้อมูลได้เลย ฉะนั้นหากเกิดปัญหาลักษณะนี้ต้องรีบกู้ข้อมูลโดยเร็ว โดยขึ้นตอนในการกู้จะใช้เวลานานพอสมควรฉะนั้นอย่าใจร้อน…….รอหน่อย
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

54. เปิดเครื่องแล้วปรากฎข้อความ Keyboard Bad หรือ Keyboard Error

เปิดเครื่องแล้วปรากฎข้อความ Keyboard Bad หรือ Keyboard Error

 
เปิดเครื่องแล้วปรากฎข้อความ Keyboard Bad หรือ Keyboard Error
อาการลักษณะนี้อาจเกิดจากคุณเสียบสายคีย์บอร์ดไม่แน่น ให้ลองขยับปลั๊กคีย์บอร์ด เสียบกับเมนบอร์ดใหม่ให้แน่นหรืออาจถอดปลั๊กคีย์บอร์ดแล้วลองเสียบไปใหม่ จากนั้นลองบุ๊ตเครื่องอีกครั้ง หากไม่หายนั่นแสดงว่าคีย์บอร์ดของคุณหรือพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อคีย์บอร์ดบนเมนบอร์ดมีปัญหา

ขั้นตอนการตรวจสอบว่าอุปกรณ์ชิ้นใดเสียก็ให้ลองนำคีย์บอร์ดของคุณไปต่อเข้ากับเครื่องอื่น หากว่าใช้ได้นั่นแสดงว่า เมนบอร์ด ของคุณอาจมีปัญหา แต่ถ้าหากใช้ไม่ได้เหมือนเดิมนั่นหมายความว่าคีย์บอร์ด ของคุณเสียแล้วละครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

53. ปัญหาสีเพี้ยนของหน้าจอแก้ปัญหาอย่างไร

ปัญหาสีเพี้ยนของหน้าจอแก้ปัญหาอย่างไร

 
ปัญหาสีเพี้ยนของหน้าจอแก้ปัญหาอย่างไร 
ปัญหาสีเพี้ยนลักษณะนี้อาจเกิดจากคลื่นแม่เหล็กที่วางอยู่ใกล้ ( ตู้เย็น,เตาอบไมโครเวฟ,ลำโพง ) ถาพที่ปรากฎ จึงมีสีเพี้ยนไป ซึ่งหากว่ามีการนำลำโพงที่ไม่มี Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็ก ไปวางไว้ข้างจอคอมพิวเตอร์ ก็อาจพบว่าภาพบนจอคอมพิวเตอร์แสดงสีเพี้ยน ๆ เพราะว่าในตัวของลำโพงจะประกอบไปด้วยคลื่นแม่เหล็กแรงสูงอยู่ภายใน จึงทำให้มอนิเตอร์ที่มีการใช้สนามแม่เหล็กในการควบคุมการยิงเม็ดสี ให้ตกกระทบ ตรงตำแหน่งบนหน้าจออย่างถูกต้อง เกิดอาการยิงผิดยิงถูก ภาพที่ออกมาจึงมีสี เพี้ยนไป
วิธีการแก้ไขก็เพียงวางลำโพงให้ห่างจากจอคอมพิวเตอร์พอประมาณ หรือหาลำโพงที่ Shield ป้องกันคลื่นแม่เหล็กมาใช้ ภาพสีก็จะหายไปครับ แต่ถ้าอาการยัง ไม่ดีขึ้น ควรให้ช่างตรวจเช็คดูดีกว่า เพราะบางทีอาจมีปัญหาที่จอมอนิเตอร์เอง
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

52. ปัญหาของแรมที่พบบ่อย ๆ และการแก้ไข

ปัญหาของแรมที่พบบ่อย ๆ และการแก้ไข

 
ปัญหาของแรมที่พบบ่อย ๆ และการแก้ไข
มีเสียงร้องหลังจากเปิดเครื่องและไม่มีภาพ มีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM ไม่แน่น
วิธีแก้ไข : ให้ลองเปิดฝาเครื่องแล้วขยับ RAM ให้แน่น

2. เกิดจากหน้าสัมผัสของ RAM ไม่สะอาด
วิธีแก้ไข : เปิดฝาเครื่องออกมาแล้วให้ลองขยับ RAM ให้แน่น ถ้ายังไม่หายให้ลองถอด RAM ออกมาทำความสะอาดหน้าสัมผัส โดยใช้ยางลบดินสอหรือน้ำยา

3. เกิดจากการเสียบ RAM ผิดแถว
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นต้องเสียบ RAM ไล่จากแถวที่ 1 ขึ้นไป ให้ลองนำ RAM มาเสียบที่ Slot ที่ 1 และไล่ลงไปในกรณีที่มี RAM หลายแถว

4. RAM ที่ใส่ไปไม่ตรงกับชนิดที่เมนบอร์ดรับได้
วิธีแก้ไข : ตรวจสอบกับคู่มือเมนบอร์ดว่าเป็นชนิดที่ถูกต้องและขนาดที่ไม่เกินที่เมนบอร์ดกำหนดในแต่ละแถว ถ้าไม่ถูกให้นำ RAM ชนิดที่ถูกต้องมาใส่

5. เกิดจากความผิดผลาดของกระบวนการเช็คตอนเปิดเครื่อง ( POST) ของไบออส
วิธีแก้ไข:ในบางครั้งจะจดจำการติดตั้งฮาร์ดแวร์ในตำแหน่งต่างไว้และทำการตรวจเช็คทุกครั้งที่เปิดเครื่องดัง นั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง หรือสลับตำแหน่งของสล็อตที่เสียบอุปกรณ์ต่างๆ เครื่องอาจจะเช็คว่าเกิดความผิดผลาดได้ โดยที่จริง ๆ แล้วไม่ได้มีอุปกรณ์ใด ๆเสียเลยแต่เพราะเครื่องได้จดจำข้อมูลตำแหน่งของสล็อต ที่เสียบ ฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ไว้ แต่ยังไม่ได้ทำการอัพเดทหรือ รีเฟรช (Refresh ) ทำให้เมื่อเปิดเครื่องแล้วถึงขั้นตอนการตรวจสอบ เครื่องจะฟ้องว่าฮาร์ดแวร์
ผิดผลาด วิธีแก้คือ ให้ลองสบับแถวของ RAM แล้วลองเปิดเครื่องใหม่ เพื่อให้เครื่องจดจำตำแหน่ง หรือ Reset ไบออส โดยการถอด ถ่านของไบออสบนเมนบอร์ดออกสักครู่หนึง แล้วกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นลองเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง

6. RAM เสีย
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกัน ถ้าหากใช้ได้แสดงว่า RAM เสีย ถ้า RAM เสียก็ต้องซื้อมา เปลี่ยนสถานเดียว

เปิดเครื่องแล้ว แต่ Test Memory (RAM) ไม่ผ่านมีสาเหตุดังนี้
1. สล็อตเสียบ RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : เป็นไปได้ที่เมื่อใช้ไปแล้ว สล็อตเสียบ RAM เสื่อมคุณภาพ ให้ลองย้าย RAM ไปใส่ในสล็อตอื่นแล้วลองบู๊ตเครื่องใหม่

2. RAM เสียหรือเสียมคุณภาพ
วิธีแก้ไข : ให้ลองนำ RAM ตัวอื่นที่ใช้ได้มาเสียบแทนในช่องเดียวกันถ้าผ่านแสดงว่า RAM เสีย ก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่

ใช้แล้วเครื่องแฮงก์ง่ายมีสาเหตุดังนี้
1. อาจเกิดจากการตั้งค่าความถี่ที่ใช้กับ RAM ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ดูที่สเปค (Spec) ของ RAM สามารถทำงานที่ความถี่เท่าไร และให้ตั้งให้ถูกต้อง โดยเซ็ทที่ BIOS หรือเมนบอร์ด บางรุ่นต้องเซ็ทที่ Jumper บนเมนบอร์ด โดยสามารถดูรายละเอียดจากคู่มือของเมนบอร์ดนั้นๆ ได้

2. อาจเกิดจากการตั้งค่าการหน่วงเวลา (Wait state) ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : กลับไปตั้งค่าให้ถูกต้องเหมือนเดิม หรือตั้งค่าเป็นแบบ by SPD จะสะดวกที่สุด

3. อาจเกิดจากการเลือกคุณสมบัติพิเศษ เช่น Fast page , EDO ไม่ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ควรศกษาคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ ให้เข้าใจอย่างละเอียดก่อนที่จะเลือกใช้คุณสมบัตินั้น ๆ ถ้าไม่แน่ใจให้แก้กลับมาที่ Load Detault Setup หรือ Disable เพราะถ้าเลือกใช้คุณสมบัติพิเศษ โดยที่ RAM ตัวนั้นไม่รองรับ ก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานได้

4. อาจเกิดจาก Clip RAM ร้อนเกินไป
วิธีแก้ไข : ในกรณีทีบางครั้ง RAM ทำงานหนักและเกิดอาการร้อนเกินไปจะทำให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ ดังนั้นถ้าต้องการเสถียรภาพ ในการทำงานมากขึ้น เราควรปรับปรุงระบบระบายความร้อนภายในเครื่องคอมพ์ให้ดีขึ้น เช่น เพิ่มพัดลมระบายความร้อนภายในเครื่อง วางคอมพ์ไว้ในที่ที่มี อากาศถ่ายเทได้สะดวกหรือห้องแอร์ก็จะยิ่งดี

5. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : RAM บางตัวที่ใช้งานไปนาน ๆ Clip บางตัวบน RAM อาจเสื่อมได้โดยที่เครื่องยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อเครื่อง ได้ใช้งานมาถึงตำแหน่งที่เสื่อมบนแรมตัวนั้น จะทำให้เกิดการทำงานผิดพลาดได้ วิธีแก้คือ ลองถอด RAM ตัวที่คิดว่าเสื่อมออก และนำ RAM ตัวอื่นที่ดีมาใส่แทน และลองใช้งานดู ถ้าทำงานได้ตามปกติแสดงว่า RAM ตัวนั้นเสีย ให้ซื้อตัวใหม่มาเปลี่ยน หรือถ้าอยู่ในระยะประกันให้ลองเปลี่ยนตัวใหม่ แต่อาการแบบนี้ขอบอกว่าพิสูจน์ยากนิดนึง บางครั้งเราต้องรอจังหวะ

ขนาดของ RAM เมื่อใช้งานน้อยกว่าขนาดที่แท้จริงมีสาเหตุดังนี้
1. เสียบ RAM ที่มีขนาดเกินกว่าที่ช่องเสียบ RAM นั้นรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางตัวจะกำหนดขนาดของ RAM สูงสุดต่อแถวที่เสียบได้ในแต่ละช่องสล็อต ดังนั้นควรอ่านคู่มือของเมนบอร์ดดูก่อนว่าสล็อตใดเสียบ RAM ที่มีขนาดสูงสุดได้เท่าไร เช่น เมนบอร์ดบางรุ่น ช่องเสียบ RAM แถวที่ 1ใส่ RAM ได้สูงสุดไม่เกินแถวละ128 MB ถ้าเรานำ RAM ขนาด แถวละ 256 MB มาใส่เครื่องจะไม่สามารถรับได้หรือมองเห็นแค่เพียง 128 MB เท่านั้น

2. ขนาดของ RAM รวมทั้งหมดเกินกว่าที่เมนบอร์ดจะรับได้
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดทุกอันจะมีขนาดรวมของ RAM สูงสุดที่เมนบอร์ดรับได้ไม่ใช่ว่าจะสามารถซื้อ RAM มาใส่เท่าไรก็ได้ ควรอ่านคู่มือ ของเมนบอร์ดรุ่นนั้นด้วย

3. RAM บางส่วนถูกนำไปใช้ในด้านอื่น
วิธีแก้ไข : เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมนบอร์ดบางรุ่น ที่มีอุปกรณ์บางประเภท Onboard ซึ่งจะใช้หน่วยความจำร่วมกับ RAM ทำให้เมื่อเปิด ใช้งานเนื้อที่ของ RAM บางส่วนจะถูกจองไว้สำหรับใช้งานของอุปกรณ์ตัวนั้นโดยเฉพาะ จึงทำให้เวลาระบบปฏิบัติการแสดงผลขนาดของ RAM จะเหลือไม่เท่ากับ ขนาดที่แท้จริงของ RAM เช่น เมนบอร์ดบางรุ่นที่มี VGA Card Onboard และแจ้งว่ามี RAM ของ VGA Card ขนาด 16 MB แต่เมื่อใช้งานจะใช้เนื้อที่ของ RAM ที่เสียบลงไปบนเมนบอร์ด ดังนั้น ถ้าเราเสียบ RAM ขนาด 128 MB ลงไปบนเมนาบอร์ดจะเหลือ RAM ที่ใช้งานกับระบบจริงเพียง 128 MB คือ 112 MB

4. อาจเกิดจาก RAM เสื่อม
วิธีแก้ไข : เราสามารถดูตามอาการเสียของแรมที่ได้กล่าวมา ข้างต้น

RAM ที่มีความเร็วสูงแต่ทำงานที่ความเร็วต่ำ
1. เมนบอร์ดไม่สามารถรองรับ RAM ที่มีความเร็วสูงกว่าที่กำหนดได้
วิธีแก้ไข : ไม่สามารถแก้ได้ ถ้าต้องการให้ RAM ทำงานที่ความเร็วสูง ต้องซื้อเมนบอร์ดรุ่นที่รองรับได้ เช่น RAM ที่มีความเร็ว 133 MHz เมื่อนำมา ใส่เมนบอร์ดที่รองรับ RAM ที่มีความเร็วสูงสุดที่ 100 MHz RAM ตัวนั้นจะทำงานได้ที่ความเร็วแค่ 100 MHz

2. ไม่ได้ตั้งค่าที่ BIOS ให้ถูกต้อง
วิธีแก้ไข : ที่ BIOS จะมีเมนูสำหรับตั้งค่าความเร็วของ RAM ที่เราต้องการให้เราไปปรับค่าให้ถูกต้องหรือให้เลือกเป็น Auto

3. ไม่ได้เซ็ทค่าจั๊มเปอร์บนเมนบอร์ด
วิธีแก้ไข : เมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการเซ็ทความถี่ของ RAM ที่จั๊มเปอร์บนเมนบอร์ดด้วย ให้ศึกษาด้วย ให้ศึกษาและเซ็ทตามคู่มือเมนบอร์ด
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

51. ประโยคอันตรายแจ้งข้อผิดพลาด

ประโยคอันตรายแจ้งข้อผิดพลาด

 
ประโยคอันตรายแจ้งข้อผิดพลาด
หากใครเจอประโยคนี้ อย่ารีรอ "Msgsrv32 caused an invalid page fault in module Kernel32.dll"

คุณเคยเจอประโยคข้างบนนี้ตอนกำลังใช้เครื่องอยู่ดีๆ มั้ยครับ ถ้าคุณไม่ได้เรียนวิทย์คอมมา ก็คงจะงง ว่าประโยคยาวๆ นี้แปลว่าอะไร แล้วจะเราจะต้องทำยังไงต่อไป เพราะโปรแกรม วินโดวส์เองก็ไม่ได้แสดงอาการเตือนออกมาแต่ดันประท้วงหยุดทำงานเฉยๆ ถ้าใครเจออาการ อย่างนี้มีสิ่งที่ควรทำ (สำคัญมาก) อย่างยิ่งก็คือ จดรายละเอียดทุกอย่างที่คุณพบแบบละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ หรือปัญหาต่างๆ ที่เครื่องคอมของคุณตรวจพบ

จากนั้นให้ คุณเข้าไปที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ (www.search.support.microsoft.com/kb) คุณก็จะพบกับสิ่งที่บอกเกี่ยวกับข้อความแจ้งความผิดพลาดต่าง ๆ ผมเองพบว่าข้อความ "Msgsrv32" นี้อาจมีสาเหตุที่เกิดจากเครื่องพีซีอย่างน้อยสักอย่างหรือสองอย่าง

เมื่อทำการแก้ไขแล้ว เกิดวินโดวส์เจ้ากรรมยังคงแฮงก์ หรือเครื่องมีอาการล็อคเหมือนกับว่ารหัส ผ่านของคุณไม่ถูกต้อง ให้คุณไปที่ Desktop กดคีย์ <F3> และพิมพ์ *.pwl ไปที่ช่องสำหรับ พิมพ์ชื่อ และพิมพ์ c:\windows ในช่อง "Look in" ในรายชื่อที่ปรากฏในช่อง Found File ให้คุณลบแฟ้มข้อมูลที่มีนามสกุล .pwl (บางทีอาจมีหลายแฟ้ม) วินโดวส์จะสร้างแฟ้มข้อมูลเหล่า นี้ใหม่เมื่อคุณทำการบู๊ตเครื่องอีกครั้ง

อีกกรณีหนึ่งหากคุณใช้วินโดวส์ 95 และทำการติดตั้งอุปกรณ์แบบ Plug and Play คุณอาจ จำเป็นต้องติดตั้งไดร์ฟเวอร์ของอุปกรณ์เหล่านั้น ซึ่งคุณควรทำการลบไดร์ฟเวอร์ของ อุปกรณ์ เหล่านั้นออกไปและอัพเดทไดร์ฟเวอร์ใหม่ ๆ จากเว็บไซต์ของผู้ผลิต.
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

50. ที่ทาสก์บาร์ EN และ TH หาย เอาคืนยังไงครับ WIN XP PRO

ที่ทาสก์บาร์ EN และ TH หาย เอาคืนยังไงครับ WIN XP PRO

 
ที่ทาสก์บาร์ EN และ TH หาย เอาคืนยังไงครับ WIN XP PRO 
วิธีแก้ คลิกขวาที่ System Tray (ตรงแถว ๆ นาฬิกาและลำโพง) เลือกคำสั่ง Toolbas แล้วไปคลิกเลือก Language bar เพียงเท่านี้ก็มาแล้ว แต่ถ้าในกรณีไม่มีคำสั่ง Language bar ให้เลือกต้องไป Add เข้ามาใหม่ โดยไปที่ Start > Setting > Control Panel แล้วดับเบิลคลิกที่ Regional and Language Option ที่แท็บ Languages คลิกที่ Details แล้วคลิกที่ Language Bar จากนั้นคลิกเครื่องหมายถูกที่ Show the Language bar on the desktop แล้วคลิก Ok 3 ครั้ง เพียงเท่านี้มันมาแล้วครับ...
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

49. ทำอย่างไรหาก Bios ไม่รู้จัก Hard Disk ที่มีความจุสูงๆ

ทำอย่างไรหาก Bios ไม่รู้จัก Hard Disk ที่มีความจุสูงๆ

 
ทำอย่างไรหาก Bios ไม่รู้จัก Hard Disk ที่มีความจุสูงๆ
หลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องเก่า อาจพบปัญหาในการติดตั้ง Bios ไม่รู้จักฺฮาร์ดไดร์วตัวใหม่ ที่มีความจุมากๆ โดยปกติ Bios จะเป็นตัวตรวจสอบอุปกรณ์ที่ติดตั้งในคอมพิวเตอร์ รวมทั้งตรวจสอบสถานะการทำงานว่าปกติ โดยตัว Bios ในคอมพิวเตอร์ (เมนบอร์ด) บางรุ่นจะรู้จักฮาร์ดดิสก์แค่ 528MB, 2.1GB, 8.4GB, 32GB, หรือ 64GB เท่านั้น นั่นหมายความว่าหากคุณติดตั้งฮาร์ดไดร์วขนาดใหญ่กว่า 80GB เครื่องจะมองเห็นไม่เต็มความจุ มองเห็นแค่ 60 GB หรือมากที่สุดเท่าที่เครื่องจะมองเห็นได้เท่านั้น

ปัญหา
เกิดจาก BIOS ไม่รองรับฮาร์ดไดร์วที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง

การแก้ปัญหา

วิธีที่ 1 
ตรวจสอบ Bios ของเมนบอร์ดที่มีการอัพเดตล่าสุด แล้วทำการอัพเดต Bios เพื่อให้รู้จักและมองเห็นฮาร์ดไดร์วได้เต็มความจุ

วิธีที่ 2 
ซื้อตัวการ์ดคอนโทรลเลอร์ ATA มาใช้ ซึ่งจะมี Bios ในตัวซึ่งรองรับไดร์วความจุสูงๆได้

วิธีที่ 3 
วิธีนี้เป็นการใช้เครื่องมือซอฟต์แวร์ Data Lifeguard Tools 11 ที่ใช้งานบนระบบปฏิบัติการ DOS เพื่อติดตั้งไดร์ว โดยเครื่องมือนี้จะจัดการในการติดตั้ง การจัดการพื้นที่ความจุของไดร์วให้เต็มความจุ โดยจะมีโปรแกรมติดตั้งใน boot sector ของฮาร์ดไดร์วเพื่อจัดการไดร์วให้มองเห็นได้เต็มขนาดความจุเนื้อที่

วิธีที่ 4 
หากคุณทำตามวิธีที่ 3 แล้วไดร์วยังมองเห็นเนื้อที่ต่ำกว่าขนาดจริง แม้จะใช้โปรแกรม Data Lifeguard Tools 11 แล้วก็ตาม อาจเป็นไปได้ว่าคุณได้ตั้งค่าจัมเปอร์ของไดร์วไว้ 2 ตัว

ทิปจาก http://www.comseven.com/

48. ทำไมอยู่ ๆ ไฟล์ในเครื่องเพิ่มมากขึ้น

ทำไมอยู่ ๆ ไฟล์ในเครื่องเพิ่มมากขึ้น

 
ทำไมอยู่ ๆ ไฟล์ในเครื่องเพิ่มมากขึ้น 
ผมสงสัยว่าเมื่อผมใช้คอมพิวเตอร์ไปนาน ๆ ทำไมจึงมีไฟล์เกิดขึ้นมากมาย และไฟล์ไหนบ้างที่ผมสามารถลบได้ ช่วยบอกด้วย
หลังจากที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปช่วงหนึ่ง วินโดวส์จะมีการสร้างไฟล์ขึ้นมาเองเช่น ไฟล์.tmp หรือว่าถ้าทำการลงโปรแกรมบางโปรแกรม โปรแกรมเหล่านั้นก็อาจสร้างไฟล์ขึ้นมาให้เอง เช่น ไฟล์ .bak เป็นต้น ฉะนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมจึงมีไฟล์เกิดขึ้นมาเองมากมาย โดยไฟล์ที่สามารถลบได้โดยไม่มีผลกระทบตามมา ก็ได้แก่ไฟล์ที่มีนามสกุลต่อไปนี้ .tmp, .BAK, .$$$, .chk, .PCC, ไฟล์ Autoexec และ Config ยกเว้นไฟล์ Autoexec.bat และ Config.sys ห้ามลบเด็ดขาด เพราะเป็นไฟล์ที่มีส่วนช่วยในการบู๊ตระบบวินโดวส์ ซึ่งหากไม่มีไฟล์ทั้ง 2 นี้ก็จะพบปัญหาตามมาทันที เช่น บู๊ตเครื่องไม่ขึ้น เป็นต้น ฉะนั้นต้องระมัดระวังหน่อย
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

47. ทำไมฟังเพลงจาก CD ทั่วไปไม่ได้

ทำไมฟังเพลงจาก CD ทั่วไปไม่ได้

 
ทำไมฟังเพลงจาก CD ทั่วไปไม่ได้
การที่เครื่องฟังเพลงจากแผ่นเพลงทั่วไปไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเพลง MP3 สามารถฟังได้ปกติ ก็มีสาเหตุมาจากที่คุณไม่ได้ต่อสาย Audio ระหว่าง Sound Card กับ CD-ROM ซึ่งสาย Audio ก็หาได้จากกล่องที่ใส่ Sound Card มา แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ต้องไปซื้อมา แล้วนำมาติดตั้งดังนี้
1. เปิดฝาครอบเครื่องแล้วมองหา Sound Card
2. นำสาย Audio มาต่อกับ Sound Card ตรงที่เขียนว่า CD-IN
3. ต่อสาย Audio อีกด้านหนึ่งเข้ากับ CD-ROM ที่ช่อง Analog Audio เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานได้ปกติแล้วครับ
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

46. ทำไมคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง

ทำไมคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง ???

ทำไมคอมพิวเตอร์ทำงานช้าลง ???
ใครที่ใช้งานคอมพิวเตอร์มานานก็พอจะสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ แล้วมักจะเชื่อว่าควรจะอัพเกรด เครื่องด้วยการเปลี่ยนซีพียูใหม่ หรือไม่ก็เพิ่มแรมได้แล้ว แต่จากความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้าน
ซอฟต์แวร์แล้ว กลับมองว่าวิธีการแก้ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่เชื่อ คุณก็ควรลองเปลี่ยนมาใช้งาน
วินโดวส์ 98 และ Me ดู คุณจะพบว่าคอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เร็วกว่าเดิม แต่จะเร็วแค่ไหน คงต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยนะครับ
สมัยนี้ คุณควรมีหน่วยความจำในเครื่องอย่างน้อย 64 เมกะไบต์ หากคุณต้องใช้งานแอพพลิเคชั่น
หลาย ๆ ตัวพร้อมกัน ถ้าคุณมีหน่วยความจำน้อยกว่า 64 เมกะไบต์ละก็ คุณจะรู้สึกเหมือนว่า หน่วยความจำที่คุณถูกดูดหายไปเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณมีหน่วยความจำมากเพียงพอ แล้วละก็ คุณจะสามารถ จัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยวิธีการทำหน่วยความจำเสมือน (Virtual Memory) และค้นหา หน่วยความจำที่พร่องหายไป (Memory Leak) ได้

สำหรับหน่วยความจำเสมือนนี้ เป็นแฟ้มข้อมูลเฉพาะในพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์ โดยปกติเราจะเรียก กันว่า "สวอปไฟล์ ( SWAP FILE ) " เมื่อเครื่องพีซีของคุณเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำมาก เกินไป วินโดวส์จะช่วยปรับขนาดของสวอปไฟล์ตามใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงตามความต้องการ หาก พื้นที่บนฮาร์ดดิสก์ของคุณไม่มีเนื้อที่เพียงพอ สวอปไฟล์จะไม่สามารถขยาย ได้ตามขนาดที่ ต้องการได้ทำให้เครื่องของคุณทำงานช้าลง
วิธีแก้ไขก็คือลบหรือย้ายแฟ้มข้อมูลบางส่วนออกจากฮาร์ดดิสก์ อีกวิธีคือย้ายสวอปไฟล์ไปอีก พาร์ติชั่นหรือฮาร์ดดิสก์ลูกอื่นที่มีพื้นที่เพียงพอ สำหรับวินโดวส์ 9x หรือ Me ให้คุณมาที่ Desktop คลิ๊กที่ปุ่มเม้าส์ขวาที่ My Computer เลือก Properties เลือกแถบ Performance เพื่อเลือก Virtual Memory คุณจะเห็นรายการสำหรับกำหนดค่าของ Virtual Memory ให้คุณเลือก Let me specify my own virtual memory setting ส่วนวินโดวส์ 2000 ให้คุณเลือก Advanced เลือก Performance Options และเลือกChange ครับ
สำหรับวิธีค้นหาหน่วยความจำที่พร่องหายไป มักจะเกิดจากซอฟต์แวร์บางตัวเสียหาย หรือไม่ก็ ออกแบบมาไม่ดีพอในการกำหนดขนาดของหน่วยความจำเมื่อต้องการใช้งาน หากคุณเปิด
แอพพลิเคชั่นต่างๆ หลายๆ ตัว จะทำให้กินเนื้อที่ในหน่วยความจำมากขึ้น จนกระทั่งระบบของ คุณไม่มีหน่วยความจำเพียงพอ การบู๊ตเครื่องใหม่อาจช่วยให้แก้ปัญหานี้ได้ชั่วคราว โดยการ กำหนดค่าของหน่วยความจำให้เป็นปกติ
การค้นหาแหล่งที่มาของส่วนที่พร่องหายไปทำได้โดยเลือก Start เลือก Programs เลือก Accessories และเลือก System Tools เพื่อใช้เรียกยูทิลิตี้ของ System Monitor มาตรวจสอบการใช้งานของหน่วยความจำ หากคุณหาไม่พบก็ให้ติดตั้งไปใหม่จากแผ่น CD ของ วินโดวส์ โดยการใช้คำสั่ง Add/Remove Programs จากนั้นก็ทำการกำหนดขนาดของ หน่วยความจำ โดยเลือก View เลือก Numeric Charts และ View และ Always on Top เพื่อเลือก Edit และ Add Item
ในรายการตัวเลือกที่ปรากฏอยู่ให้คุณเลือก Memory Manager จากนั้นให้กดปุ่ม <Ctrl> ค้าง ไว้เพื่อเลือกรายการ Unused physical memory (หรือ Free Memory ในวินโดวส์ 95) เลือก Swapfile in use และ Swapfile size ให้คุณลองใช้งานและเปิด-ปิดแอพพลิเคชั่น หลาย ๆ อย่าง เพื่อตรวจสอบว่าโปรแกรมเหล่านี้ใช้หน่วยความจำมากน้อยเพียงใด และโปรแกรม ใดไม่คืนความจำให้หลังจากปิดโปรแกรมไปแล้ว
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

45. ทำไงดีใส่แผ่นซีดี เข้าไปแล้ว ไดร์ซีดีรอม อ่านช้ามาก

ทำไงดีใส่แผ่นซีดี เข้าไปแล้ว ไดร์ซีดีรอม อ่านช้ามาก?

ทำไงดีใส่แผ่นซีดี เข้าไปแล้ว ไดร์ซีดีรอม อ่านช้ามาก?
ควรตรวจสอบดูว่า ไดร์ซีดีรอมนั้น กับฮาร์ดดิสก์ของคุณได้ต่อสาย IDE อยู่ในเส้นเดียวกันหรือเปล่า เพราะการต่อแบบนี้ จะทำให้การโอนถ่าายข้อมูลนั้น มีการโอนถ่ายที่ช้าลงไป เพราะฉนั้นถ้าต่ออยู่เส้นเดี๋ยวกันก็เปลี่ยนซะ เอาไดร์ฟซีดีรอม ไปเสียบในช่อง secondary ก็ได้

หรือในอีกกรณีหนึ่ง ถ้าคุณใช้ ไดร์ซีดีรอมแบบ DVD เวลาที่นำแผ่นซีดีแบบธรรมดาไปใช้ ก็จะพบว่าการอ่านแผ่นนั้น อ่านได้ช้ากว่าไดร์ซีดีรอมปกติ เพราะ DVD นั้นต้องทำการตรวจสอบก่อนว่าเป็นแผ่นซีดีแบบชนิดไหน จากนั้นจึงเริ่มอ่านข้อมูล ทำให้ เริ่มต้นการอ่านได้ช้า

นอกจากนี้ยังตรวจสอบได้อีกอย่างว่า เปิดฟีเจอร์ DMA ไว้หรือเปล่า ซึ่งบางคนอาจจะยังไม่รู้ ก็มีวิธีการเปิดดังนี้เลย

1. คลิ๊กขวาที่ My Computer แล้วเลือก Properties

2. คลิ๊กแท็ป Device Manager คลิ๊กเครื่องหมาย + ที่กลุ่มซีดีรอม

3. จากนั้นดับเบิ้ลคลิ๊ก ที่ไดร์ฟซีดีรอมที่ เราต้องจากจะ set กัน แล้วคลิ๊กที่แท๊ป setting

4. แล้วเช็กบล๊อกที่หน้าคำว่า DMA และ Sync Data Transfer เสร็จแล้วก็คลิ๊ก OK และทำการ รีสตาร์ท

** แต่ถ้าทำงาน set ค่า DMA แล้ว ซีดีรอมเกิดทำงานผิดปกติ ให้เซ็ตค่ากลับอย่างเดิม อาจเป็นเพราะไดร์ฟซีดีรอมรุ่นเก่า และไม่สนับสนุนการทำงานแบบ DMA.
บทความจากเว็บไซต์ bcoms.net

การแก้อาการคอมพิวเตอร์ค้าง ใช้ได้ 100%

แก้ปัญหา คอมช้า คอมอืดได้ Windows 7

Computer-Repair-Basic

วิธีทำให้คอมลื่น "หัวแตก" win7/xp ลองทำดู